Skip to content (Press Enter)

สถานะการทำงานเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร

เป้าหมายสำคัญของทีมวิจัยการออกแบบคือการส่งผ่านความต้องการของลูกค้ามาให้กับทีมภายในของเราที่กำลังออกแบบและสร้างสรรค์วิธีการทำงานรูปแบบที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น โดยมี "อนาคตที่มีความยืดหยุ่น" ที่ช่วยให้งานวิจัยของเราเป็นจริงและให้ความสำคัญในการสนทนาเกี่ยวกับโลกแห่งการทำงานที่กำลังพัฒนา เราจึงคิดค้นแนวทางใหม่ที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องการทำงานร่วมกัน ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ประสิทธิผล และความสุขในการทำงานขึ้นมาได้ ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

true

ทศวรรษนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยความน่ากังวลอย่างเห็นได้ชัด โครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจของเราจำเป็นต้องได้รับการการทบทวนใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเมื่อสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ชัดเจนขึ้น คำถามเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเราจึงถูกยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสำคัญในการถกเถียงทั่วโลก

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเบอร์ลิน โตเกียว หรือหุบเขามิลล์แวลลีย์ในแคลิฟอร์เนีย สถานที่ทำงานที่ตอบสนองต่อความไม่แน่นอนได้มากที่สุดจะรองรับความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนทำงานได้จากทุกที่ โดยพนักงานจะได้รับอนุญาตให้มีตารางการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น กระตุ้นให้เกิดการประชุม ทำงานร่วมกัน และเรียนรู้จากกันและกันรูปแบบใหม่สำหรับพนักงาน มีส่วนช่วยในการวางผังเมือง และคิดค้นแนวทางบรรลุเส้นทางอาชีพใหม่ๆ ซึ่งสิ่งนี้เราเรียกว่า "อนาคตที่มีความยืดหยุ่น"

สถานที่ที่มีความยืดหยุ่น

แต่ก่อนสถานที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นจะหมายถึงสำนักงานแบบเปิด ซึ่งมีพื้นที่ส่วนกลางและห้องแยกย่อยต่างๆ แต่เมื่อทีมใช้วิธีการทำงานแบบกระจายตัวกันมากขึ้น จึงสามารถทำงานได้จากทุกที่ตั้งแต่สำนักงานที่ใช้ร่วมกันไปจนถึงโต๊ะในครัวของคุณ และที่อื่นๆ ตามความสะดวก

การทำงานแบบกระจายตัวไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร Basecamp บริษัทด้านเทคโนโลยีมีการทำงานแบบระยะไกลเท่านั้นมานานกว่า 20 ปีแล้ว และยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เช่นเดียวกันกับ GitHub บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีประสบการณ์เป็นเวลานานกว่าทศวรรษในฐานะบริษัทที่อนุญาตให้พนักงานจำนวนมากทำงานแบบกระจายตัว โดยให้ความรู้กับพนักงานใหม่ที่ทำงานแบบกระจายตัวผ่านบล็อกโพสต์ การทำงานแบบกระจายตัวซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นทางเลือกเฉพาะกลุ่ม ได้รับการผลักดันให้เข้ามาในกระแสหลักนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 "บริษัทต่างๆ ได้เรียนรู้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การทำงานแบบกระจายตัวเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น" Kate Lister ประธานที่ปรึกษา Workplace Analytics จากซานดิเอโกอธิบาย

บุคคลผู้หนึ่งที่ทำงานบนแล็ปท็อปในร้านกาแฟเป็นหนึ่งตัวอย่างของการมีสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่น
เนื่องจากหลายคนรายงานเข้ามาว่ามีความพึงพอใจในการทำงานจากที่บ้านอยู่ในระดับสูงแม้ในช่วงที่มีการระบาดอย่างหนัก และบริษัทต่างๆ เช่น Twitter และ Hitachi ก็ได้ประกาศตัวเลือกการทำงานระยะไกลรูปแบบใหม่เพื่อรับมือกับอนาคตที่ไม่มีความแน่นอน ส่งผลให้ในตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เริ่มหวั่นใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงมีการทำงานที่สำนักงานต่อไป แม้ว่าการระบาดใหญ่จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม "ข้อโต้แย้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือการทำงานในอนาคตที่จะเป็นแบบกระจายตัวทั้งหมด ... หรือทุกคนมาทำงานพร้อมหน้าพร้อมตากันในสำนักงาน และฉันคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือการทำงานแบบผสมผสานทั้ง 2 อย่างนี้เข้าด้วยกัน" Annie Auerbach ผู้ร่วมก่อตั้ง Starling หน่วยงานข้อมูลเชิงลึกด้านวัฒนธรรมในลอนดอนและผู้เขียนหนังสือ Flex: Reinventing Work for a Smarter, Happier Life กล่าว
ข้อโต้แย้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือการทำงานในอนาคตที่จะเป็นแบบกระจายตัวทั้งหมด ... หรือทุกคนมาทำงานพร้อมหน้าพร้อมตากันในสำนักงาน และฉันคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือการทำงานแบบผสมผสานทั้ง 2 อย่างนี้เข้าด้วยกัน" Annie Auerbach ผู้ร่วมก่อตั้ง Starling หน่วยงานข้อมูลเชิงลึกด้านวัฒนธรรมในลอนดอนและผู้เขียนหนังสือ Flex: Reinventing Work for a Smarter, Happier Life กล่าว

Annie Auerbach

ผู้เขียน Flex: Reinventing Work for a Smarter, Happier Life

Annie Auerbach ผู้เขียน Flex: Reinventing Work for a Smarter, Happier Life
พนักงานด้านข้อมูลสามารถคาดหวังได้ว่านายจ้างจะทดลองใช้สถานที่ทำงานในรูปแบบต่างๆ ในอีกหลายปีข้างหน้า ตัวอย่างเช่น สถานที่ทำงานอาจมีตัวเลือกให้ทำงานจากที่บ้านได้สำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิ และมีพื้นที่สำนักงานร่วมกันซึ่งเอื้อต่อการทำงานร่วมกันในสถานที่จริง "เราจะคำนึงถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอย่างตั้งใจ" Auerbach กล่าวเสริม และตัวเลือกตามความต้องการของแต่ละคนอาจกลายเป็นความปกติใหม่แทนการกำหนดมาตรฐานของบริษัทใหม่ "ความยืดหยุ่นที่สมบูรณ์แบบของฉันจะไม่เหมือนกับของคุณ"
Lisa Swerling จาก Last Lemon กำลังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่บ้านของเธอในแคลิฟอร์เนีย
Lisa Swerling จาก Last Lemon กำลังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่บ้านของเธอในแคลิฟอร์เนีย
ผู้ประกอบอาชีพอิสระบางคนอย่าง Lisa Swerling และ Ralph Lazar พาร์ทเนอร์ครีเอเทีฟจาก Last Lemon ได้เปลี่ยนสถานที่ทำงานมานานแล้ว ทั้งคู่มีพื้นเพมาจากแอฟริกาใต้และตอนนี้อาศัยอยู่ในมารินเคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย สามีภรรยาคู่นี้ร่วมกันสร้างเนื้อหาที่มีภาพประกอบและงานศิลปะมาเป็นเวลา 2 ทศวรรษแล้ว 
บางครั้งทั้งคู่จะทำงานในสตูดิโอที่บ้าน และบางครั้งก็ทำงานขณะที่เดินทางไปทั่วโลก โดยพวกเขาจะทำงานจากสถานที่ต่างๆ อย่างบอตสวานาหรือเซเชลส์ ที่ละหลายเดือน ในช่วงแรกๆ Swerling กล่าวว่าการทำงานออนไลน์จากสถานที่ห่างไกลให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์ "เรารู้สึกว่า "เหลือเชื่อไปเลย เราอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรอินเดียแล้วยังสามารถทำงานได้อยู่ เป็นไปได้อย่างไรเนี่ย"" ต่อมาทั้งคู่ก็รู้สึกประหลาดใจที่ยังรักษาความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์ในยุโรปได้อย่างง่ายดายหลังจากย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา "มันค่อนข้างจะพูดยากนะที่ระยะทางไม่ได้สร้างความแตกต่างเลยแบบนี้"
true
Kate Lister ประธาน Global Workplace Analytics

ตารางเวลาที่มีความยืดหยุ่น

บางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการมีทางเลือกมากขึ้นสำหรับสถานที่ที่คุณทำงานก็คือการมีอำนาจกำหนดเวลาทำงานของคุณเองด้วย การทำงานแบบกระจายตัวช่วยให้วันทำงานมีความยืดหยุ่นมากกว่าชั่วโมงทำงานปกติในแบบเดิม

สำหรับหลายๆ ทีม แนวทางการจัดชั่วโมงทำงานที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน Matt Mullenweg ผู้บุกเบิกสถานที่ทำงานแบบกระจายตัวและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอธิบายในบล็อกของเขาว่าเมื่อบริษัทต่างๆ เริ่มทำงานระยะไกลเป็นครั้งแรก พวกเขามักจะเลียนแบบประสบการณ์ในสำนักงาน โดยยังคงคาดหวังให้พนักงานนั่งที่โต๊ะทำงานตลอดทั้งวัน เขาโต้แย้งว่าองค์กรที่ก้าวหน้ากว่าและให้ความสำคัญกับการทำงานระยะไกลเป็นหลักจะเลือกใช้วิธีทำงานแบบไม่ประสานเวลา ซึ่งคือการทำงานในเวลาที่เหมาะสมกับผู้ทำมากที่สุด

เมื่อนายจ้างผ่อนปรนข้อกำหนดที่เข้มงวดเรื่องชั่วโมงการทำงาน จึงเกิดการก้าวข้ามในเรื่องนี้อย่างจริงจัง กล่าวคือจากวัฒนธรรมที่ยึดถือการมาทำงานแม้มีสภาวะไม่พร้อมกลายมาเป็นวัฒนธรรมที่ยึดถือผลลัพธ์แทน "เราไม่ได้ทำงานได้ดีที่สุดโดยการวิ่งมาราธอน แต่เราโดยการวิ่งด้วยความเร็วสูง" Kate Lister กล่าว "เราทราบดีว่าผู้คนจะจัดการงานได้ที่ดีที่สุดเมื่อได้รับเป้าหมายและเครื่องมือที่ช่วยในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น รวมทั้งเมื่อพวกเขาได้รับอิสระในการทำงาน เราทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ในยุค 50 แล้ว แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่เราใช้ดำเนินงานมาโดยตลอด …หากผู้คนทำงานเสร็จ หากผู้คนได้รับการวัดผลจากผลลัพธ์และสำเร็จไปได้ด้วยดี แล้วคุณจะสนใจเรื่องเวลาทำงานของพวกเขาไปทำไม" เธอกล่าวเสริมว่าการทำงานในรูปแบบที่ยึดถือผลลัพธ์นั้น ผู้จัดการต้องไว้วางใจที่จะไม่เฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวของพนักงาน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับสถานที่ทำงานบางแห่ง

ผู้จัดการบางคน เช่น Alastair Simpson รองประธานฝ่ายการออกแบบของ Dropbox ผู้ใช้แนวทางที่ต้องมีความไว้วางใจสูงนี้อยู่แล้วในการจัดการที่เน้นความเป็นอิสระ กล่าวว่า "หากคุณจ้างคนที่ฉลาดเป็นกรดและพยายามบอกพวกเขาถึงวิธีทำงานภายใต้กระบวนการที่เข้มงวดทุกขั้นตอน คุณจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีจริงๆ แต่ถ้าคุณให้เป้าหมายที่เหมาะสมและเครื่องมือที่เหมาะสม ผมคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม" เขากล่าว

Alastair Simpson รองประธานฝ่ายการออกแบบของ Dropbox
Alastair Simpson รองประธานฝ่ายการออกแบบของ Dropbox

การควบคุมชั่วโมงการทำงานของตนเองได้มากขึ้นทำให้ผู้คนมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ไม่ใช่ลดลง "ความกลัวที่ว่า ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงหากคุณปล่อยให้ผู้คนมีอิสระในการควบคุมเวลาทำงานของตนเองนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีเหตุผล" Annie Auerbach กล่าว

ความท้าทายสำหรับผู้ที่ทำงานจากระยะไกลคือการใช้ตารางเวลาที่ยืดหยุ่นมากขึ้นให้เกิดประโยชน์ ได้แก่ การสร้างขอบเขต การทำงานในเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และการเลิกนิสัยที่ทำงานตลอดเวลา Auerbach อธิบายว่า "สิ่งที่คุณไม่ควรทำเลยก็คือการเปลี่ยนจากการมาทำงานแม้มีสภาวะไม่พร้อมแบบ "มาที่สถานที่จริง" เป็นแบบ "ดิจิทัล" และเปลี่ยนจากชั่วโมงทำงานปกติไปเป็นทำงานตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำซ้ำนิสัยที่ไม่ดีของสถานที่ทำงานแบบเดิมในพื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่น แล้วแสร้งทำเป็นว่านั่นคือความยืดหยุ่นอย่างแท้จริง"

Nicolas Leschk ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ECF Farmsteads

Nicolas Leschke ผู้เป็น CEO ของ ECF Farmsystems บริษัทสตาร์ทอัพในเบอร์ลินกล่าวว่าเขาได้เรียนรู้วิธีสร้างขอบเขตส่วนบุคคลด้วยเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เช่น การปิดโทรศัพท์ตอนกลางคืนและการทำให้อีเมลงานเข้าถึงได้ยากขึ้นจากหน้าจอหลักของโทรศัพท์ "การเลิกนึกถึงเรื่องงานนั้นยากมากครับ" เขากล่าวเสริม "แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว และผมคิดว่าคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ครับ"

สถานที่ทำงานยังเป็นสิ่งที่พวกเขาสนใจใช้เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานหมดไฟอีกด้วย "ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน อันได้แก่ความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจและร่างกายของพวกเขามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน" Kate Lister กล่าว "คุณอาจไม่เคยได้ยินคำว่า "ความยืดหยุ่น" และ "ความสมดุลของชีวิตและการทำงาน" และ "สุขภาพจิต" จากปากตำแหน่งผู้บริหารบ่อยนักก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เราจะได้ยินคำเหล่านั้นอย่างแน่นอน"

Annie Auerbach อธิบายว่าตารางเวลาที่ยืดหยุ่นเป็นประโยชน์ต่อพนักงานหลากหลายประเภท ไม่เพียงแต่ผู้ที่เป็นพ่อแม่คนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ต้องดูแลญาติผู้สูงวัย ผู้ที่ต้องการทำตามเป้าหมายเกี่ยวกับความสนใจ และผู้ที่ต้องการเวลาส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย "แนวทางนี้เป็นวิธีใหม่ในการมองสิ่งต่างๆ เช่น แทนที่จะมองว่าความยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่คุณต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจ ให้คุณมองว่าความยืดหยุ่นเป็นหนทางแห่งอนาคต วิธีดึงดูดผู้มีความสามารถที่ดีที่สุด และวิธีทำให้พนักงานของคุณรู้สึกได้รับการเติมเต็มและมีความสมดุล"

true
Melanie Cook ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการของ Hyper Island APAC

เครื่องมือที่มีความยืดหยุ่น

ข่าวดีสำหรับที่ทำงานก็คือเครื่องมือการทำงานแบบกระจายตัวไม่ได้แตกต่างจากเครื่องมือดิจิทัลที่หลายคนมีอยู่แล้วในชุดเครื่องมือ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานจากระยะไกล "ฉันไม่ได้หมายถึงแค่เทคโนโลยีสำหรับการสื่อสารอย่าง Zoom หรือ Google Hangouts เท่านั้น แต่ฉันยังหมายถึงเทคโนโลยีสำหรับการทำงานร่วมกันอย่าง Dropbox อีกด้วย … เราคงไม่สามารถทำงานระยะไกลได้หากปราศจากเครื่องมือเหล่านี้" Melanie Cook กรรมการผู้จัดการบริษัทเกี่ยวกับการศึกษา Hyper Island กล่าวไว้ 

Cook กล่าวว่าเธอได้ค้นพบข้อดีเกี่ยวกับพลังของเทคโนโลยีที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานของผู้คน มากกว่าจะเป็นพลังที่น่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังการคุกคามงานของเราผ่านระบบอัตโนมัติจำนวนมาก แต่กลับกัน "เทคโนโลยีนี้ช่วยขจัดความเครียดจากการเดินทาง และทำให้เรามีเวลากลับมาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น"

"การระบาดใหญ่ของ COVID-19 เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เนื่องจากหลายๆ ธุรกิจไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดำเนินงานเอกสารจำนวนมากทางออนไลน์" Whit Bouck ผู้เป็น COO ของบริษัทลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ HelloSign (บริษัทของ Dropbox) กล่าว ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้ทีมแบบกระจายตัวลงนามในเอกสารทางการได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งอาจรวมถึงเอกสารทุกอย่างตั้งแต่เอกสารการเตรียมความพร้อมของพนักงานไปจนถึงสัญญากับซัพพลายเออร์ "ธุรกิจจำเป็นต้องมีหนทางในการทำข้อตกลงที่สำคัญเหล่านี้ทางออนไลน์ต่อไป และเราก็ช่วยทำให้การดำเนินการนั้นง่ายและปลอดภัย" Bouck กล่าว

"ฉันคิดว่าเครื่องมือนี้ยังสามารถพัฒนาไปถึงขั้นที่ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมได้ เพียงแต่ว่าเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น

Kate Lister ประธานที่ปรึกษา Workplace Analytics จากซานดิเอโก

เมื่อทีมนำเครื่องมือดิจิทัลประเภทต่างๆ มาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการเพิ่มลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ไวท์บอร์ด การจัดการโครงการ การสนทนา และกิจกรรมการทำงานร่วมกันอื่นๆ พนักงานก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้ได้อย่างคล่องแคล่ว เครื่องมือต่างๆ ได้เริ่มนำเสนอการผสานการทำงานที่ดียิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้โดยที่คุณไม่เสียสมาธิจากการสลับการทำงาน กรณีตัวอย่างคือ Dropbox ได้เปิดตัว Dropbox Spaces ขึ้นในปี 2019 ซึ่งไม่เพียงแต่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการทำงานร่วมกันและการผสานการทำงานกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Slack, Zoom และ Trello อีกด้วย "เรากำลังให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มและขั้นตอนการทำงานมากขึ้น Dropbox Spaces ช่วยให้ทีมสามารถรวบรวมหลายๆ ไฟล์จากที่ต่างๆ มาไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไม่ตกหล่น เครื่องมือนี้เป็นวิวัฒนาการแรกๆ ที่ทำให้ Dropbox ประสบความสำเร็จ" Alastair Simpson อธิบายไว้

 

ท้ายที่สุดแล้วเครื่องมือในการทำงานแบบดิจิทัลจะต้องมีส่วนช่วยทีมแบบกระจายตัวมากกว่าสนับสนุนเรื่องประสิทธิผล เครื่องมือดังกล่าวจะต้องรองรับความต้องการทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ของชุมชนเมื่อสมาชิกไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน "คุณจะสูญเสียความแปลกใหม่ที่มาจากการทำงานร่วมกับคนอื่น ความคิดสร้างสรรค์ที่คุณได้จากช่วงพักดื่มกาแฟ หรือแรงบันดาลใจจากการแอบมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคนอื่น" Fred Wordie จาก Kids บริษัทรับทำโฆษณาในเบอร์ลินกล่าว ซึ่งเขาเป็นผู้สร้าง I Miss the Office ในระหว่างที่มีการใช้มาตรการป้องกันการระบาดครั้งใหญ่เพื่อเลียนแบบเสียงในสำนักงาน เขาตระหนักดีว่าเสียงนั้นไม่ได้น่าสนใจ แต่กลับเป็นผู้ที่ทำเสียงเหล่านั้นต่างหากที่น่าสนใจ "นั่นเป็นเหตุผลที่เว็บไซต์นี้ทำให้หลายๆ คนเกิดความสบายใจ"

I Miss the Office โดย Fred Wordie

 

การสร้างทางเลือกดิจิทัลสำหรับช่วงเวลาที่เป็นความบังเอิญและไม่เป็นทางการในหมู่เพื่อนร่วมงานนั้นถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ "ฉันคิดว่าเครื่องมือยังสามารถพัฒนาไปถึงขั้นที่ใช้เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมได้ เพียงแต่ว่าเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น" Kate Lister กล่าว

ปัจจุบันพนักงานที่ทำงานแบบกระจายตัวจำนวนมากใช้วิดีโอคอล โพสต์ และการสนทนาทางแชทกับทั้งทีมเพื่อสร้างวัฒนธรรม และในที่สุด คุณสมบัติและเครื่องมือใหม่ๆ จะปรากฏขึ้นเพื่อรองรับกับการเผชิญหน้าที่หลากหลายและเป็นความบังเอิญให้กับทั้งองค์กร 

 

ความสัมพันธ์ที่มีความยืดหยุ่น

การทำงานแบบกระจายตัวอาจประสบความสำเร็จมากกว่าหากใช้ประโยชน์จากไดนามิกใหม่ๆ ในสภาพแวดล้อมแบบดิจิทัล แทนการจำลองวัฒนธรรมจากสำนักงานมาโดยตรง

โครงสร้างการทำงานแบบกระจายตัวช่วยให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อตามการขยับขยาย ตัวอย่างเช่น บริษัทสร้างทีม The Go Game ซึ่งเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมในสถานที่จริงและการจัดแบบผสมสำหรับทีมต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2001 ปัจจุบันได้นำเสนอแพลตฟอร์มเสมือนที่สามารถขยับขยายประสบการณ์ใช้งานให้กับผู้คนได้มากกว่า 1,500 คนทั่วโลก "เราดำเนินการเพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนที่เชื่อมระยะห่างให้กับผู้คนที่ทำงานระยะไกล" Ian Fraser ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO กล่าว "บริษัทต่างๆ ต้องการโซลูชันที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนได้อย่างแท้จริง มีไดนามิก และไม่มีการแบ่งแยก"

Michael Franti กำลังมีส่วนร่วมใน The Go Game
การเชื่อมโยงข้ามเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ยังอาจช่วยในการสร้างเครือข่าย การให้คำปรึกษา และการจ้างงานที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม FREE THE WORK โครงการริเริ่มเพื่อการสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ตั้งอยู่ในลอสแองเจลิสนี้เป็นฐานข้อมูลและแพลตฟอร์มเนื้อหาที่สามารถค้นหาได้ ซึ่งนำเสนอผู้สร้างที่ไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัททีวี ภาพยนตร์ และโฆษณาทั่วโลกสามารถค้นพบผู้สร้างเหล่านี้ได้มากขึ้น "เราเชื่อว่าการเข้าถึงผู้มีความสามารถที่ไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในอดีตจะนำไปสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาแห่งการสร้างสรรค์เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้ ด้วยเหตุนี้การเป็นตัวแทนนำเสนอจึงมีความสำคัญ" ทีม FTW กล่าว "การเล่าเรื่องที่เป็นความจริงเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์นั้น เราต้องเผยแพร่เรื่องราวไปทั่วโลกให้ได้มากกว่านี้เพื่อแสดงให้พวกเราทุกคนเห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้"
การอภิปรายหารือหัวข้อ Free the Work

ในบางแง่มุม การเชื่อมต่อระยะไกลยังช่วยลดอคติระหว่างเพื่อนร่วมงานในชีวิตประจำวันอีกด้วย Kate Lister ตั้งข้อสังเกตว่าการสื่อสารระยะไกลสามารถลดลำดับชั้นลงได้อย่างแท้จริง ทำให้คนที่มีโลกส่วนตัวสูงและคนอื่นๆ มีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกันมากขึ้น "วิธีนี้ช่วยยกระดับสนามแข่งขัน เนื่องจากทุกคนมีโอกาสที่จะพูด" 

Annie Auerbach อธิบายว่าความสามารถในการสานสัมพันธ์ไมตรีได้เป็นอย่างดีในสภาพแวดล้อมสำนักงานไม่ได้แสดงออกถึงตัวตนทั้งหมดของบุคคลนั้นๆ "มีความหวั่นเกรงเกี่ยวกับว่า เมื่อทำงานจากที่บ้าน เราจะโดดเดี่ยวและไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งใด ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ เราก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันเวลา [สวมใส่] หูฟังและไม่เปิดปากพูดคุยในสำนักงาน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำงานระยะไกล แต่เป็นการเชื่อมต่อระยะไกลต่างหาก" การสร้างความไว้วางใจระหว่างสมาชิกในทีมอาจต้องพึ่งเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่เฉพาะเจาะจงให้น้อยลง และหันไปพึ่งวิธีการปฏิบัติตนเพื่อให้เข้ากับคนอื่นได้ตามธรรมชาติของมนุษย์ให้มากขึ้น การพบปะสังสรรค์เป็นระยะหรือกิจกรรมที่สมาชิกในทีมได้ทำความรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้นก็สามารถช่วยได้

Kate Lister กล่าวเสริมว่า "การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากันบ่อยๆ เพื่อรักษาสายสัมพันธ์ของความไว้วางใจ และในความเป็นจริง บริษัทเสมือนส่วนใหญ่จะรวมตัวกันเพียงปีละครั้งหรือสองครั้ง และมักไม่ทำอะไรเลยนอกจากพบปะพูดคุยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าการรักษาความไว้วางใจให้อยู่ในระดับสูงก็อาศัยเพียงการพบปะสังสรรค์ที่ไม่บ่อยนักเหล่านี้เท่านั้น"

Melanie Cook กล่าวว่าทีมของเธอได้สร้างแนวทางปฏิบัติเสมือนที่ให้มีการประชุมประจำวัน 2 ครั้งระหว่างที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ โดยการประชุมช่วงเช้าจะเป็นไปอย่างทางการ และการประชุมช่วงบ่ายจะเป็นแบบไม่เป็นทางการเพื่อแทนที่การที่พนักงานเคยพบปะกันตามทางเดินแบบสบายๆ "การพูดคุยในช่วงบ่ายของเรามักจะเป็นแบบเรื่อยเปื่อย เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อสุขภาพจิตเท่านั้น"  

เมืองที่มีความยืดหยุ่น

เมื่อชีวิตการทำงานในแต่ละวันของผู้คนก้าวไปสู่อีกระดับของความยืดหยุ่น เมืองต่างๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน

ปัจจัยใหม่ๆ จะมีอิทธิพลต่อสถานที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่และทำงาน ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ย้ายจากถิ่นฐานจากบ้านเกิดไปหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าในเมืองใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกต่อไป Zhenru Goy จาก Goy Architects บริษัทสถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่มีหุ้นส่วน 3 คน ซึ่งตั้งอยู่ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย กล่าวว่าการบริหารจัดการงานนั้นเป็นไปตามวิถีชีวิตของพวกเขา โดยหุ้นส่วนแต่ละคนอาศัยอยู่ใกล้กับครอบครัวและเพื่อนฝูง และประสานงานกันในระบบคลาวด์

Dessy Anggadewi จาก Goy Architects กำลังทำงานจากสวนของเธอในจาการ์ตา

เมืองที่ค่าครองชีพสูงซึ่งคนทำงานต่างแห่กันไปหางานอาจมีความผ่อนคลายลงบ้าง เนื่องจากผู้คนต่างออกเดินทางไปยังแถบชานเมืองหรือชนบทที่มีพื้นที่สำหรับทำโฮมออฟฟิศและเข้าถึงธรรมชาติ และบางชุมชนอาจสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนเองได้ "มีสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศและทั่วโลกที่กำลังรับสมัครพนักงานจากระยะไกลและให้การฝึกอบรมแก่พนักงานเหล่านั้น โดยเป็นการฝึกอบรมผู้คนในพื้นที่ให้เป็นผู้สมัครทำงานระยะไกลที่มีประสิทธิภาพ และในบางกรณีถึงกับให้ค่าจ้างสำหรับย้ายไปยังสถานที่นั้น" Kate Lister กล่าว "พวกเขาต้องการที่จะเพิ่มงานประเภทใหม่ๆ เข้าสู่เศรษฐกิจในชุมชนของตนเองเป็นอย่างยิ่ง"

เมืองที่เต็มไปด้วยพนักงานที่มีความยืดหยุ่นจะมีการจัดระเบียบในรูปแบบใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงการเดินทางรูปแบบเดิมระหว่างเขตที่อยู่อาศัยและเขตการค้าของเมือง C40 Cities เป็นเครือข่ายของเมืองทั่วโลกที่ทำงานเกี่ยวกับปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้แสดงให้เห็นถึงโลกที่คุณสามารถเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้โดยใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที การพัฒนาเมืองแบบผสมผสาน ที่ซึ่งบ้าน สถานที่ทำงาน ร้านค้าปลีก และสถานบันเทิงตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันอาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน อย่างที่ Goy ได้ค้นพบขณะที่เธอทำงานด้านสถาปัตยกรรมของตนเอง "ฉันค้นพบสิ่งใหม่ๆ เมื่อออกไปอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโดยรอบ ได้เห็น ได้สัมผัส ได้รู้สึก ได้พบเจอ และได้สื่อสารกับผู้คนในชุมชน ฉันคิดว่าการได้สัมผัสกับสิ่งที่อยู่รอบตัวทำให้ฉันเป็นนักออกแบบที่ดีขึ้นได้" เธอกล่าว

ตัวอย่างวิดีโอของ 15-minute Cities

เมืองที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที

1.5 นาที

Annie Auerbach นึกภาพการจัดการทำงานในรูปแบบใหม่ เช่น ศูนย์กลางของย่านที่ผู้คนจากอุตสาหกรรมและกลุ่มอายุที่แตกต่างกันสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ในสถานที่ที่มีชีวิตชีวาและใช้ร่วมกันได้ "การมีอิสระ … ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าอยู่คนเดียว" เธออธิบาย เธอจินตนาการว่าสถานที่แห่งนี้มีความหลากหลายและให้ความสำคัญกับชุมชนมากกว่าพื้นที่ทำงานร่วมกันในปัจจุบัน เพราะเมื่อประชากรมีอายุมากขึ้นในหลายๆ ส่วนของโลก ความคิดที่จะออกจากงานในช่วงอายุหนึ่งก็อาจเปลี่ยนแปลงไป Auerbach กล่าวว่า "ความคิดที่จะเลิกทำงานในช่วงอายุหนึ่งและเข้าสู่ช่วงหลังเกษียณนั้น … เป็นที่นิยมน้อยลง" เธอตั้งข้อสังเกตว่าผู้สูงวัยเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ในช่วงบั้นปลายชีวิตกันมากขึ้น

ความยืดหยุ่นเฉพาะตัว

เมื่อพูดถึงพนักงานแต่ละคน การทำงานในอนาคตจะต้องใช้ทั้งวิธีการเชิงโต้ตอบและเชิงรุก

ผู้คนจะต้องตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติจำนวนมากซึ่งหมายความว่าเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาเติมเต็มบทบาทบางอย่างที่มักอาศัยการดำเนินการของผู้คน Carrie Sijia Wang ศิลปินและนักออกแบบมัลติมีเดียได้วิเคราะห์สัญญาณที่เป็นไปได้ผ่านผลงานออกแบบเชิงดิสโทเปียของเธอ "An Interview with ALEX" ซึ่งจำลองการสัมภาษณ์งานกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ ""An Interview with ALEX" มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาครอบงำการทำงาน โดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีการทำงาน ผู้ที่สั่งการ ผลที่ตามมา และผู้ที่จะต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา" Wang กล่าว

Carrie Sijia Wang ศิลปินมัลติมีเดียและนักออกแบบ

ขณะที่งานบางอย่างถูกกลืนหายไป บทบาทการทำงานใหม่จะถูกสร้างขึ้นอย่างแน่นอน จากรายงานของ Dell Technologies สถาบันเพื่ออนาคตคาดการณ์ว่า 85% ของงานที่จะมีในปี 2030 ไม่ใช่งานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผู้คนจะมีความจำเป็นน้อยลงสำหรับงานที่ต้องทำซ้ำๆ และมีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับงานที่ต้องใช้ทักษะของ "มนุษย์" ที่ไม่เหมือนใคร เช่น การคิดวิเคราะห์และการทำงานร่วมกัน Melanie Cook คาดการณ์ว่าจะเกิด "ภาวะฉุกเฉินระดับโลกสำหรับการเสริมสร้างทักษะ" ขึ้น ซึ่งผู้คนจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมสำหรับงานเหล่านี้ในอนาคต

Auerbach กล่าวเสริมว่า "ความจริงแล้วเราจำเป็นต้องแสวงหาความรู้ตลอดทั้งชีวิต คุณไม่สามารถศึกษาเรื่องต่างๆ ทั้งหมดล่วงหน้าได้ เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและทักษะต่างๆ มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาตนเอง เรียนรู้ และเรียนรู้ใหม่ต่อไปในทุกช่วงเวลาของชีวิต ทั้งนี้ โอกาสในการฝึกอบรมแบบเร่งด่วนต่างๆ ก็มีขึ้นแล้วเพื่อตอบสนองต่อการปรับตัวตามความต้องการด้านอาชีพ เช่น ใบรับรองอาชีพของ Google ที่มีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านนี้

การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้หมายความว่าอาชีพจำนวนมากจะไม่สามารถดำเนินการต่อโดยพึ่งระบบอัตโนมัติได้อีกต่อไป ผู้คนอาจต้องดำเนินการด้วยท่าทีเชิงรุกมากขึ้นในการสำรวจและเปลี่ยนแปลงเพื่อค้นหาหนทางสู่ความก้าวหน้าของตนเอง Auerbach กล่าวว่าควรคาดการณ์ถึง "เส้นทางอาชีพที่คดเคี้ยวมากขึ้น ซึ่งผู้คนอาจต้องการเดินไปในแนวนอนหรือแนวทแยงมุมไปยังสาขาอาชีพอื่นๆ ผู้คนอาจต้องการหยุดและออกเดินทาง ผู้คนอาจต้องการหยุดและเรียนรู้ก่อนที่จะกลับเข้าไปในที่ทำงาน ซึ่งวิสัยทัศน์ทั้งหมดนี้จะมีการผสมรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ... เมื่อชีวิตของเราดำเนินต่อไป"

แม้แต่ในญี่ปุ่นที่เดิมที บริษัทต่างๆ มีนโยบายการจ้างงานตลอดชีพ ผู้คนก็เริ่มคิดเกี่ยวกับอาชีพของตนแบบยืดหยุ่นมากขึ้นแล้ว En Factory ซึ่งตั้งอยู่ในโตเกียวให้บริการช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในการส่งเสริมให้พนักงานรับและดูแลงานเสริมภายในบริษัทและงานอื่นๆ นอกเหนือจากนั้น "งานเสริมกลายเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันเนื่องจากเป็นโอกาสที่พนักงานของพวกเขาสามารถรับประสบการณ์และทักษะใหม่ๆ ได้" Masaki Shimizu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ En Factory กล่าว เขามองว่างานเสริมเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งบริษัทและพนักงาน บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากทักษะใหม่ๆ ที่พนักงานของพวกเขาพัฒนาขึ้น ในขณะที่พนักงานก็ขยายโอกาสในการทำงานได้ Shimizu กล่าวว่าพนักงานส่วนใหญ่ของ En Factory เองก็ทำงานเสริมตั้งแต่การสร้างเว็บไซต์ไปจนถึงการจัดหาเสื้อผ้าสำหรับสุนัข ตัวเขาเองก็ทำ 4 งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารคาเฟ่เม่นแคระ เขากล่าวว่าแนวทางในการทำงานของเขาถูกมองว่าต่างไปจากปกติเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเริ่มทำงานเสริมในปี 2012 เขาถึงกับเคยปรากฏในเนื้อหาข่าวด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่ทำงานเสริม ซึ่งเขาเองได้บอกเล่าเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดให้กับคนเหล่านั้นด้วย

 

Masaki Shimizu อยู่ที่ร้าน ChikuChiku ซึ่งเป็นคาเฟ่เม่นของเขาในโตเกียว

การทำงานอิสระและการเป็นผู้ประกอบการจะยังคงมีความเสี่ยงมากกว่าและมีความมั่นคงน้อยกว่างานประจำแบบเดิม ดังนั้นพนักงานเหล่านี้จึงต้องการโครงข่ายรองรับทางสังคมที่ดีขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือ Alia แพลตฟอร์มสิทธิประโยชน์แบบพกพาสำหรับลูกจ้างที่ทำงานในบ้าน เช่น พี่เลี้ยงเด็ก คนทำความสะอาดบ้าน และผู้ดูแล นายจ้างหรือลูกค้าหลายรายสามารถมอบสิทธิประโยชน์ผ่าน Alia ให้กับลูกจ้างได้ ซึ่งอาจรวมถึงการให้ค่าจ้างในวันลาป่วยและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ อย่างประกันชีวิต "มีลูกจ้างจำนวนมากที่ทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยที่ [ลูกจ้าง] ไม่มีนั่งร้านหรือเครื่องมือป้องกันใดๆ ติดตั้งไว้รอบตัวเลยเพราะในเวลา 40 ชั่วโมงนี้ พวกเขาอาจต้องเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ทำงานกว่า 40 แห่งแทนการรับงานจากนายจ้างคนเดียว" Palak Shah ผู้อำนวยการก่อตั้ง NDWA Labs ซึ่งเป็นองค์กรที่สร้าง Alia กล่าว "Alia เป็นเหมือนสัญญานเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับอนาคตของการทำงาน เราทราบดีว่าถ้าเราสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับลูกจ้างที่ทำงานในบ้านได้ เราก็จะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับลูกจ้างทุกคนได้"

Lisa Swerling และ Ralph Lazar ศิลปินคู่สามีภรรยาเป็นตัวอย่างของเส้นทางอันยากลำบากที่อาจรออยู่ข้างหน้าใครหลายๆ คน "เพราะเราได้มาถึงจุดที่ยอดเยี่ยมสุดๆ แล้วในที่สุด สิ่งที่เราคิดอยู่เสมอว่าน่าสนใจจึงเป็นการที่เรื่องราวของเรานั้นเต็มไปด้วยความล้มเหลว" Swerling กล่าว "ความล้มเหลวนั้นทั้งน่าขบขันและเป็นแรงบันดาลใจ เพราะก่อนอื่นเลย เราโชคดีที่เกิดมาเป็นคนมองโลกในแง่ดี และคุณจะไม่สามารถทำแบบเดียวกับเราได้ถ้าคุณไม่มองโลกในแง่ดี เพราะคุณคงจะรามือไปแล้ว ... เพราะคุณต้องสร้างชิ้นงานของคุณขึ้นมาใหม่ไปเรื่อยๆ"

คู่รักศิลปิน Lisa Swerling และ Ralph Lazar

ท้ายที่สุดแล้วผู้คนจะยังคงแสวงหาจุดมุ่งหมายและความสำเร็จผ่านการทำงาน แม้ว่าการเดินทางของพวกเขาจะเต็มไปด้วยเส้นทางคดเคี้ยวก็ตาม Nicolas Leschke จาก ECF Farmsystems อธิบายถึงความรู้สึกได้รับการเติมเต็มจากบทบาทปัจจุบันของตัวเองว่า "คุณอยู่ในเขตของเมืองแต่ได้ทำงานกับต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าพอใจมาก เพราะคุณได้ทำงานกับธรรมชาติ และผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลดีกับตัวคุณ"

Zhenru Goy จาก Goy Architects กล่าวว่ารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยให้พวกเขาได้ชะลอตัวลงและค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีจุดมุ่งหมายมากที่สุด "เรายังคงทดลองและค้นหาสิ่งที่เราควรทำเพื่อสถาปัตยกรรมอยู่เสมอ ดังนั้นจึงมีการครุ่นคิดอย่างต่อเนื่องถึงวิธีที่เราควรมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์ของชุมชนและสิ่งแวดล้อม … เราอาจใช้เวลาในการคิด แต่เราดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำให้โครงการของเราเกิดผลกระทบได้”

Goy Zhenru ประธานบริษัท Goy Architects

Melanie Cook แนะนำให้ใช้แนวทาง "การคิดช้าๆ" สำหรับการดำเนินการในทั้งอาชีพของคุณ แทนการตอบสนองแบบตื่นตระหนกหรือการตอบสนองแบบสู้หรือหนีต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เธอแนะนำว่า "ให้เวลากับตัวเองในการวางแผนอาชีพและวางแผนการทดลองบ้าง … เพื่อค้นหาเส้นทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จสูงสุดสำหรับคุณ"

Kate Lister หวังว่าสถานที่ทำงานจะมีวิธีที่ดีขึ้นในการค้นหาและใช้ประโยชน์จากทักษะ ความสนใจ และจุดแข็งของพนักงาน "นั่นเป็นตอนที่เราจะได้รับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดจากพนักงาน" เธอกล่าว

สุดท้ายนี้ แนวทางที่มีความยืดหยุ่นสำหรับอนาคตของการทำงานจะช่วยให้เราสามารถเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ทำงานได้ดี และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากอนาคตที่มีความยืดหยุ่นจะบังคับให้เราคิดวิธีแก้ไขให้ได้เมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก อย่างที่ Melanie Cook กล่าวว่า "ถ้ามองจากมุมที่เป็นแง่บวก มนุษย์มีความยืดหยุ่นอย่างเหลือเชื่อทีเดียว มนุษย์สามารถปรับตัวได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม"

อนาคตที่มีความยืดหยุ่นจะช่วยให้เรามุ่งเน้นไปที่การดำเนินการเชิงรุกกับสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานจะมอบโอกาสให้คุณค้นหาวิธีที่ดีกว่าในการสร้างสมดุลให้กับการจัดลำดับความสำคัญ ตั้งแต่ความหลงใหล ผู้คน ไปจนถึงการมุ่งตามเป้าหมายทางอาชีพที่เราคิดว่ามีความสำคัญและคุ้มค่าที่สุด เราควรทำให้มั่นใจว่าบุคคลหนึ่งจะพบหนทางในการประสบความสำเร็จได้จากทุกๆ แง่มุมของตัวเอง และผลลัพธ์ท้ายสุดนั้นมีความหมายในแง่ของชีวิตมากพอๆ กับการทำงาน เพราะอย่างที่ Annie Auerbach กล่าวว่า "เบื้องหลังเหตุผลที่ผู้คนต้องการทำงานอย่างยืดหยุ่นมีเรื่องราวที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์อยู่เสมอ"

ค้นพบวิธีที่ดีกว่าในการทำงานร่วมกัน

เริ่มต้นใช้งาน Dropbox