เปรียบเทียบ Dropbox กับ OneDrive: ทีมที่ทำงานสร้างสรรค์เลือก Dropbox

สำหรับบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์และการแบ่งปันไฟล์แบบพื้นฐาน คุณสมบัติของ OneDrive อาจเพียงพอสำหรับผู้ใช้บางราย แต่เมื่อเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์เนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเนื้อหาร่วมกับทีม Dropbox นั้นจะมีความสามารถหลากหลายมากกว่า นอกจากนี้ Dropbox ยังช่วยให้ทำงานกับไฟล์หลายร้อยประเภทได้ง่ายขึ้น แม้กระทั่งริชมีเดียและไฟล์ขนาดใหญ่ที่ OneDrive ไม่ได้รองรับ

เหตุผลที่ลูกค้า OneDrive ชอบใช้ Dropbox

หลายองค์กรต้องการเครื่องมืออื่นๆ นอกเหนือจาก Microsoft เพื่อทำงานให้ออกมาดีที่สุด เมื่อใช้ Dropbox ทีมจะสามารถทำงานร่วมกันบนไฟล์เสียงและไฟล์วิดีโอได้หลายเทราไบต์ และรวบรวมข้อคิดเห็นจากลูกค้าและผู้จำหน่ายด้วยการแสดงความคิดเห็นที่ตรงตามเฟรม ส่วนที่ดีที่สุดก็คือ คุณสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ในขณะที่ทำงานกับแอปของ Microsoft 365 ที่คุณใช้อยู่ทุกวันอย่างราบรื่น

Dropbox ช่วยให้ร่วมกันสร้างสรรค์เนื้อหาได้อย่างราบรื่น

แต่เมื่อลูกค้าและผู้จำหน่ายใช้ชุดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอื่นๆ เช่น Google Workspace สิ่งต่างๆ ก็อาจจะชวนให้หงุดหงิดได้ และเมื่อทุกคนพยายามทำงานร่วมกันในไฟล์ขนาดใหญ่ โดยหวังว่าทุกอย่างจะออกมาดี ก็อาจจะวุ่นวายเอาการทีเดียว

นี่คือจุดที่ Dropbox จะเข้ามาช่วยได้ Dropbox ช่วยให้สามารถดูตัวอย่าง จัดการ และส่งไฟล์ที่ซับซ้อนทุกประเภทได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายจากทุกที่และทุกอุปกรณ์ ไม่สำคัญว่าคุณจะใช้ระบบหรือซอฟต์แวร์ใด หรือว่าผู้จำหน่ายและลูกค้าของคุณกำลังทำงานบนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันหรือไม่ เพราะคุณทุกคนจะทำงานร่วมกันได้ด้วย Dropbox

Agility in Mind กับการทำงานร่วมกับ Dropbox

คุณสามารถเลือกเครื่องมือที่สามารถปรับขนาดตามธุรกิจของคุณได้ง่ายๆ ตั้งแต่เริ่มแรก หากธุรกิจต้องการมีความยืดหยุ่น วิธีที่ดีที่สุดคือการลบข้อจำกัดที่มีอยู่ทิ้งไป และ Dropbox จะช่วยคุณลบข้อจำกัดเหล่านั้นทั้งหมด

รูปภาพของ Andrew Jones, CEO ของ Agility in Mind ซึ่งเลือกใช้ Dropbox

Dropbox ปลดล็อกการอัปโหลดไฟล์อันรวดเร็ว เร็วจน OneDrive ก็ตามไม่ทัน

Dropbox ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้สร้างเนื้อหาขนาดใหญ่ เมื่อใช้ Dropbox คุณจะสามารถซิงค์การอัปโหลดไฟล์ได้ขนาดใหญ่ถึง 2 TB แม้แต่ไฟล์ CAD ขนาดใหญ่และไฟล์วิดีโอ 4K ก็ซิงค์ได้ ในทางกลับกัน OneDrive จะมีการจำกัดไว้ที่ 250 GB รายงานของ Principled Technologies* พบว่าการอัปโหลดไฟล์ขนาด 250 GB ไปยังคลาวด์ด้วย Dropbox ใช้เวลาน้อยกว่า OneDrive ถึง 78%—คุณไม่ต้องการเวลานั้นกลับคืนมาหรือ

และเมื่อเป็นเรื่องของเวิร์กโฟลว์ด้านการตลาด การโฆษณา การออกแบบ และภาพยนตร์และวิดีโอ Dropbox ก็มีให้ครบจบในที่เดียว เริ่มโปรเจ็กต์ ร่างเนื้อหา แบ่งปัน ตรวจทาน แก้ไข แสดงความคิดเห็น และส่งมอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายให้กับลูกค้า ทำทั้งหมดนี้ได้ในที่ซึ่ง ปลอดภัยเพียงแห่งเดียว

บทบาทและอุตสาหกรรมใดได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Dropbox

• สื่อและการออกแบบ

• การประชาสัมพันธ์และการตลาด

• ทรัพยากรมนุษย์

• เทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที)

• องค์กรการขายและบริษัทที่ปรึกษา

• นักวิจัยและนักวิชาการ

• สถาปนิกและบริษัทก่อสร้าง

เข้าถึงทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับการทำงานได้จากทุกที่

แอป Dropbox สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ช่วยให้ทำงานได้ทุกที่ที่คุณต้องการ เมื่อใช้แอปดังกล่าว คุณจะสามารถแบ่งปันกับสมาชิกในทีม โอนย้ายไฟล์ให้ลูกค้า และดูตัวอย่างแบบร่างได้ขณะเดินทาง

ด้วยการซิงค์ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม Dropbox จะช่วยให้การเข้าถึงงานที่สร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ (และในทางกลับกัน) เป็นเรื่องง่าย คุณจะสามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้จากทุกที่ ไม่ว่าคุณจะใช้ Windows, Mac หรือ Linux และฟังก์ชันการสำรองข้อมูลเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นของเราจะอัพโหลดเฉพาะส่วนที่อัพเดทของไฟล์ขนาดใหญ่ ดังนั้นคุณจึงโอนย้ายได้โดยไม่ต้องรอนาน เทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดนี้หมายความว่าคุณจะสามารถแบ่งปันริชมีเดียและไฟล์เนื้อหาขนาดใหญ่ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

*อ้างอิงจากการศึกษาของ Principled Technologies ปี 2023 ซึ่งได้รับการว่าจ้างจาก Dropbox

2B Living กับการทำงานด้วย Dropbox

ก่อนที่จะเลือก Dropbox เราได้เลือกใช้คู่แข่งอย่าง Microsoft OneDrive แต่บริการนั้นขาดความสามารถในการปรับขนาดที่เราต้องการ ส่วน Dropbox นั้นมีพื้นที่ว่างเสมอ

รูปภาพของ Brooks Baskin, CEO ของ 2B Living ซึ่งเลือกใช้ Dropbox

มาดูการเปรียบเทียบ Dropbox กับ OneDrive อย่างละเอียดกัน

Dropbox ให้การสนับสนุนแบบครบวงจรสำหรับขั้นตอนการทำงานด้านเนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่แบบร่างไปจนถึงการส่งมอบ โดยผสานการทำงานกับแอปที่ลูกค้าต้องการ

	Dropbox	OneDrive
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและการซิงค์
ขีดจำกัดการอัพโหลดขนาดไฟล์จากเดสก์ท็อป	2 เทราไบต์	250 GB
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของทีม	เริ่มต้นที่ 9 TB สำหรับทีม (ผู้ใช้ 3+ คน)	1 เทราไบต์ต่อผู้ใช้ (Microsoft 365 Business)
ความสามารถในการมีเนื้อหาเฉพาะบนคลาวด์	มี	มี
ซิงค์การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของไฟล์	มี	มี
อัพโหลด / ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่พร้อมกัน	มี	ไม่มี
เร่งการซิงค์ผ่านเครือข่ายบนฮาร์ดไดรฟ์	มี สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ใช้ File Provider และมีสำหรับลูกค้าที่ใช้ Apple File Provider สำหรับ Mac เช่นกัน	ไม่มี
การดูและการทำงานโปรเจ็กต์ร่วมกัน
ตัวอย่างไฟล์ขนาดใหญ่	สูงสุด 150 กิกะไบต์*	สูงสุด 100 กิกะไบต์ ไม่รองรับตัวแปลงสัญญาณวิดีโอระดับมืออาชีพ
การค้นหานิยามข้อมูล	มี	ไม่มี
การโอนย้ายไฟล์แบบมีแบรนด์ (สูงสุด 250 กิกะไบต์*)	มี	ไม่มี
การแสดงความคิดเห็นตามเฟรมสำหรับวิดีโอ	มี (Replay)	ไม่มี
การแสดงความคิดเห็นในช่วงเวลาสำหรับไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียง	มี (ตัวอย่าง)	ไม่มี
ขอไฟล์โดยไม่ต้องล็อกอิน	มี	มี
ดูบุคคล (และเวลา) ที่เข้าดูไฟล์ในแต่ละไฟล์	มี	มี
ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ผสานการทำงานบนเครื่อง	Dropbox Sign	ไม่มี
การผสานการทำงานเชิงลึกกับ Adobe
ดูตัวอย่างและใส่คำอธิบายประกอบไฟล์ Adobe (PSD, EPS, AI และอื่นๆ อีกมากมาย) โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ใช้งาน	มี	มี
ผสานการทำงานบนเครื่องกับ Premier Rush	มี	ไม่มี

*มีให้บริการหากใช้แอด-ออน Dropbox Replay

Dropbox เจาะลึกเกี่ยวกับการผสานการทำงานกับสื่อสมบูรณ์

ทำทุกสิ่งที่คุณต้องทำโดยตรงจาก Dropbox พร้อมกับใช้เครื่องมือวิดีโอ เสียง และการถอดเสียงที่คุณโปรดปรานด้วยการผสานการทำงานเหล่านี้

Adobe Premiere Rush ทำให้การตัดต่อรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณสามารถโพสต์ไปยังบัญชีโซเชียลของคุณได้เร็วกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะทำงานบนมือถือ แท็บเล็ต หรือเดสก์ท็อป
WeVideo ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดต่อ สร้าง และเผยแพร่วิดีโอ รวมถึงส่งออกโปรเจ็กต์ของคุณกลับไปยัง Dropbox โดยอัตโนมัติเพื่อแบ่งปันและรับข้อคิดเห็นได้
Otter.ai ทำให้การบันทึกการประชุมและการถอดเสียง รวมถึงการระบุตัวผู้พูดง่ายยิ่งขึ้น
Simon Says ให้คุณถอดเสียงสื่อได้ถึง 100 ภาษา เพิ่มบุ๊กมาร์กและใส่คำอธิบายประกอบการถอดเสียง และส่งออก XML ไปยังลำดับเวลาการแก้ไขได้โดยตรง
Davinci Resolve โดย BlackMagic Design ผสานการทำงานกับ Dropbox Replay โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความคิดเห็นใน Replay บนลำดับเวลาการตัดต่อใน Resolve ได้
LumaFusion ช่วยให้คุณสามารถตัดต่อเนื้อหาของคุณในขณะเดินทางได้โดยการซิงค์เนื้อหานั้นโดยตรงจาก Dropbox เมื่อคุณได้ไฟล์ตัดต่อแล้ว คุณสามารถโพสต์ไปยัง Replay เพื่อตรวจทานได้อย่างง่ายดาย
Sprout Social ทำงานร่วมกับ Dropbox เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการเผยแพร่ทางโซเชียล ขยายการเข้าถึง และเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วม

นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำงานกับ Kaltura, Brightcove, InVision และแอปยอดนิยมอื่นๆ ได้

เสริมการรักษาความปลอดภัยให้กับเนื้อหาสร้างสรรค์ของคุณ

ผู้ใช้ OneDrive ที่มีความต้องการด้านเนื้อหาในขั้นสูงมักจะหันไปใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น WeTransfer และอื่นๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการ แต่แอปเหล่านี้มักจะไม่มีการรักษาความปลอดภัย การควบคุม หรือการแสดงข้อมูลในระดับเดียวกันกับเครื่องมือระดับองค์กรอย่างที่ Dropbox มี

Dropbox ช่วยให้ทีมปกป้องเนื้อหาของธุรกิจในไฟล์ประเภทต่างๆ ให้ปลอดภัย ในขณะที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันและประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ด้วยการลงชื่อเข้าระบบครั้งเดียว (SSO) ผู้ดูแลระบบไอทีจะสามารถเปิดให้มีการจัดการข้อมูลระบุตัวตนที่ราบรื่นบน Microsoft 365 และ Dropbox ได้

ตัวอย่างของคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยจาก Dropbox มีดังนี้

การเข้ารหัสสำหรับไฟล์ ทั้งระหว่างการโอนย้ายและขณะเก็บรักษา
รองรับการบริหารอุปกรณ์เคลื่อนที่ระดับองค์กร
รองรับการจัดการข้อมูลระบุตัวตนและสิทธิ์การเข้าถึงด้วย Active Directory, SSO และการยืนยันแบบสองขั้นตอน
การกู้คืนไฟล์และประวัติเวอร์ชัน
การแจ้งเตือนและการแจ้งแบบเรียลไทม์

Dropbox + Microsoft: รวมกันยิ่งดีกว่า

ด้วยความสามารถในการผสานการทำงานที่กว้างขวาง Dropbox สามารถขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันภายใน Microsoft 365 และเพิ่มความคล่องตัวให้กับขั้นตอนการทำงานอื่นๆ บน Microsoft ได้

สำหรับผู้ใช้ปลายทาง:

การผสานการทำงานเชิงลึกกับ Windows Explorer
การผสานรวม Office บนเดสก์ท็อปเข้ากับป้าย Dropbox
การผสานรวม Office Online เข้ากับการเขียนร่วมกัน
การผสานการทำงานกับ Office Mobile
แอด-ออนของ Dropbox สำหรับ Outlook
การผสานการทำงานกับ Microsoft Teams

สำหรับฝ่ายไอที:

การผสานการทำงานกับ Active Directory (ซิงค์ผู้ใช้และกลุ่ม)
การผสานการทำงานกับ Azure AD (ซิงค์ผู้ใช้และกลุ่ม)
การผสานการทำงานกับ ADFS (ในองค์กรหรือ Azure) สำหรับการลงชื่อเข้าระบบครั้งเดียว (SSO)
Microsoft Power Automate
Microsoft Cloud App Security
ด้วยแผงควบคุมของผู้ดูแลทีมใน Dropbox ผู้ดูแลระบบไอทีจะได้ใช้การแสดงและการจัดการข้อมูลทั้งหมดที่ Dropbox สามารถมอบให้ได้

ดูว่า Dropbox มีประสิทธิภาพในการส่งมอบมากขึ้นได้อย่างไร