การปกป้องด้วยรหัสผ่านนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่บริษัทหลายแห่งกลับทำได้ไม่ถูกต้อง คุณสามารถเข้ารหัสเอกสารหรือสเปรดชีตในชุดโปรแกรมสำนักงานของคุณได้ แต่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ไม่คุ้นเคยล่ะ
ไฟล์รูปภาพ วิดีโอ กราฟิก และรูปแบบไฟล์ฐานข้อมูลนั้นไม่ได้มีการปกป้องเช่นนี้ แต่เพียงแค่คุณใส่ไฟล์เหล่านั้นไว้ในบัญชี Dropbox ของคุณและตั้งค่าไฟล์เป็นแบบปกป้องด้วยรหัสผ่าน แค่นี้ก็เรียบร้อย
ภัยคุกคามนั้นมีโอกาสอย่างมากที่จะเกิดขึ้นได้จริงกับข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลทางการเงิน และยังรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์ และจัดการข้อมูลของคุณอย่างไร้กังวล
เหตุใดฉันจึงควรปกป้องไฟล์ของฉันด้วยรหัสผ่าน
เหตุผลนั้นเป็นได้ทุกอย่างตั้งแต่คุณแค่รู้สึกอายและการต้องตัดสินใจเรื่องน่าลำบากใจ ไปจนถึงการสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจของคุณ หากคุณไม่ใช้วิธีนี้ ก็อาจจะเจอปัญหาบางประการต่อไปนี้ได้
- การสูญเสียความได้เปรียบ: หากแผนธุรกิจ ไอเดียเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ทางการตลาด หรือข้อมูลทางการเงินตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี พวกเขาสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้โจมตีคุณได้ การเพิ่มรหัสผ่านจะช่วยให้คุณถือไพ่เหนือกว่าได้
- การสูญเสียความไว้วางใจ: คุณจะให้รายละเอียดของคุณแก่บริษัทที่ไม่ได้ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล แม้กระทั่งข้อมูลที่อยู่ธรรมดาๆ หรือไม่ เราก็คงจะไม่ให้เช่นกัน ลูกค้าของคุณก็คงจะเป็นเช่นนั้นด้วย
- อุบัติเหตุ: การพิมพ์ที่อยู่อีเมลผิด ลิงก์ที่เผลอแบ่งปันผิด และข้อผิดพลาดอื่นๆ สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หากคุณปกป้องไฟล์ด้วยรหัสผ่านแล้วล่ะก็ ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
- การบุกรุกเข้าอุปกรณ์: คุณไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่รหัสผ่านของอุปกรณ์เพื่อรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยได้ แต่เมื่อคุณปกป้องไฟล์ Dropbox ด้วยรหัสผ่าน คุณจะเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยให้ธุรกิจได้ทั่วทั้งหมด
- ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อกำหนด: การละเมิดข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เมื่อคุณมีการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ เช่น ค่าปรับ หรือแม้แต่การดำเนินการทางกฎหมาย รหัสผ่านจะช่วยป้องกันความเสี่ยงนี้
Dropbox ช่วยให้คุณใช้การปกป้องด้วยรหัสผ่านกับไฟล์และโฟลเดอร์ได้จากทุกอุปกรณ์ ซึ่งช่วยทำให้แบ่งปันข้อมูลและทำงานโปรเจ็กต์ร่วมกันได้ง่ายยิ่งขึ้น เลือกแผนบริการและเริ่มปกป้องไฟล์ของคุณด้วยรหัสผ่านเลย
รายงานในนิตยสาร Harvard Business Review ระบุว่าบริษัทที่ถูกละเมิดข้อมูลนั้นมีผลตอบแทนน้อยกว่าดัชนีชี้วัดในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ถึง 11.9% หลังจาก 2 ปี สิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแรงผลักดันทางเศรษฐกิจสำหรับความปลอดภัยของข้อมูลและการปกป้องด้วยรหัสผ่าน
มีเหตุผลมากมายที่คุณควรปกป้องไฟล์ของคุณด้วยรหัสผ่าน แต่เหตุผลทางธุรกิจที่สำคัญคือสิ่งนี้จะช่วยปกป้องทั้งการเงินและชื่อเสียงของคุณด้วย
วิธีปกป้องไฟล์หรือโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านบน Windows
คุณสามารถใช้รหัสผ่านปกป้องเอกสารในชุดโปรแกรมสำนักงานบนเครื่อง Windows ได้ โดยมีคำแนะนำจาก Microsoft อยู่บางประการ ซึ่งระบุไว้ดังต่อไปนี้
- เปิดเอกสารของคุณขึ้นมา เลือก File (ไฟล์), Info (ข้อมูล) และ Protect Document (ป้องกันเอกสาร) จากนั้นเลือก Encrypt with Password (เข้ารหัสลับด้วยรหัสผ่าน)
- ใส่รหัสผ่าน จากนั้นใส่รหัสอีกครั้งเพื่อยืนยัน
- บันทึกไฟล์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าได้ตั้งรหัสผ่านแล้ว
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งรหัสผ่านสำหรับโฟลเดอร์บน Windows ได้โดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิกขวาที่โฟลเดอร์ใน Windows Explorer
- เลือก Properties (คุณสมบัติ)
- ไปที่ General (ทั่วไป) จากนั้นคลิกปุ่ม Advanced (ขั้นสูง) ที่อยู่ใต้ส่วน Attributes (แอตทริบิวต์)
- ทำเครื่องหมายถูกตรง Encrypt Contents to Secure Data (เข้ารหัสลับเนื้อหาเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล)
- กลับไปที่โฟลเดอร์ของคุณแล้วคุณจะเห็นแม่กุญแจสีเหลืองเล็กๆ บนแต่ละไอคอนไฟล์
ตอนนี้โฟลเดอร์ของคุณจะได้รับการปกป้องด้วยรหัสผ่านแล้ว ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ในระดับบัญชี ดังนั้นในขณะที่ใช้ Windows ไฟล์ของคุณจะถูกถอดรหัสโดยอัตโนมัติ
โปรดทราบว่าการใช้ Windows เพื่อปกป้องไฟล์หรือโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านอาจมีข้อเสียบางประการเมื่อเทียบกับการใช้ Dropbox การปกป้องด้วยรหัสผ่านนั้นจะจำกัดอยู่เฉพาะกับเครื่องและบัญชี Windows ที่กำหนด ทำให้การเข้าถึงไฟล์จากอุปกรณ์ต่างๆ หรือการแบ่งปันไฟล์เหล่านั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง นอกจากนี้ การเข้าถึงบัญชี Windows ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตยังสามารถเลี่ยงการปกป้องด้วยรหัสผ่านได้ ซึ่งทำให้ความปลอดภัยของไฟล์ลดลง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อเสียเหล่านี้ แต่การปกป้องด้วยรหัสผ่านของ Windows ก็ยังคงเพียงพอสำหรับงานง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อน
วิธีปกป้องไฟล์หรือโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านบน Mac
คุณสามารถปกป้องไฟล์ด้วยรหัสผ่านได้บนแอปมากมาย เช่น Notes, Pages และ Numbers หากต้องการปกป้องไฟล์ด้วยรหัสผ่านบน Mac ให้เปิดไฟล์ของคุณขึ้นมา จากนั้นลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ภายในแอป
- เลือกเมนู File (ไฟล์) ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ
- เลือก Set Password (ตั้งรหัสผ่าน)
- กรอกข้อมูล แล้วคลิก Set Password (ตั้งรหัสผ่าน)
นอกจากนี้ คุณยังสามารถปกป้องโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านบน Mac ได้ โดยให้ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
- เปิด Disk Utility (ยูทิลิตี้ดิสก์) จากโฟลเดอร์ Applications (แอปพลิเคชัน) ของคุณ
- ไปที่ File (ไฟล์) แล้วคลิก New Image (ภาพดิสก์ใหม่) จากนั้นคลิก Image from Folder (ภาพดิสก์จากโฟลเดอร์)
- เลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการปกป้องด้วยรหัสผ่าน จากนั้นคลิก Choose (เลือก)
- พิมพ์ชื่อไฟล์และเลือกตำแหน่งสำหรับไฟล์ .dmg จากนั้นเลือก 128-bit AES encryption (การเข้ารหัส AES 128 บิต) หรือ 256-bit AES encryption (การเข้ารหัส AES 256 บิต) แล้วคลิก Save (บันทึก)
- ใส่รหัสผ่านและยืนยัน จากนั้นคลิก Choose (เลือก)
อีกทั้งคุณยังสามารถคลิกที่ไอคอนรูปกุญแจเพื่อให้ macOS สร้างรหัสผ่านที่รัดกุมให้กับคุณได้ - ในดร็อปดาวน์ Image Format (รูปแบบภาพดิสก์) ให้เลือก read/write (อ่าน/เขียน) ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มหรือลบไฟล์ได้ในภายหลัง
- คลิก Save (บันทึก) และปล่อยให้ Disk Utility ทำการเข้ารหัสโฟลเดอร์
ดิสก์อิมเมจที่ได้รับการปกป้องจะอยู่ในตำแหน่งที่คุณเลือก เปิดไฟล์ .dmg ขึ้นมา จากนั้นใส่รหัสผ่านเพื่อเข้าถึงโฟลเดอร์ ซึ่งคุณสามารถจัดการเนื้อหาที่อยู่ในนั้นได้ โดยคุณสามารถลบโฟลเดอร์เริ่มต้นได้หากคุณต้องการ
เช่นเดียวกับ Windows การปกป้องด้วยรหัสผ่านบน Mac ก็มีข้อเสียที่คล้ายคลึงกัน คุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งใน Dropbox ทำให้โซลูชันนี้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบหากคุณไม่แน่ใจว่าจะปกป้องไฟล์ โฟลเดอร์ หรือข้อมูลอย่างไร อีกทั้งยังทำได้ง่ายๆ โดยตรงจากบัญชีของคุณบนอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการอื่น
การปกป้องด้วยรหัสผ่านที่รวดเร็ว ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพจาก Dropbox
เคล็ดลับสำหรับอุปกรณ์ Mac หรือ Windows ข้างต้นนั้นมีประโยชน์มากหากคุณต้องการทราบวิธีปกป้องไฟล์หรือโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านในเครื่องของคุณ แต่หากคุณต้องการจัดเก็บข้อมูลนั้นไว้ที่อื่นหรือแบ่งปันข้อมูลนั้นล่ะ จะทำอย่างไรดี คุณสามารถทำการปกป้องหรือแบ่งปันไฟล์หรือโฟลเดอร์ได้ทุกประเภทใน Dropbox ซึ่งเป็นอะไรที่ Windows และ Mac ไม่สามารถทำได้
ทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย Dropbox ไม่ใช่แค่เพื่อให้มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหรือการซิงค์เท่านั้น แต่ยังเพื่อเก็บรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ Dropbox จะช่วยคุณจัดการ/ดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้
- เพิ่มการปกป้องด้วยรหัสผ่านให้กับทุกๆ ไฟล์: คุณสามารถปกป้องข้อมูลโดยใช้การปกป้องด้วยรหัสผ่าน เพื่อควบคุมว่าใครบ้างที่จะดูข้อมูลของคุณได้ โดยก่อนที่ใครก็ตามจะสามารถดูหรือดาวน์โหลดไฟล์ได้ พวกเขาจะต้องใส่รหัสผ่านก่อน
- การยืนยันแบบสองขั้นตอน: การเพิ่มการยืนยันแบบสองขั้นตอนให้กับบัญชี Dropbox ของคุณนั้นทำได้โดยง่าย ซึ่งจะให้การปกป้องในระดับที่ดีที่สุดแก่ทุกๆ สิ่งที่คุณอาจจะจัดเก็บไว้ในบัญชี
- ตั้งค่าสิทธิ์บนลิงก์: ตั้งค่าสิทธิ์ เพิ่มรหัสผ่าน และตั้งค่าวันที่หมดอายุของลิงก์ได้อย่างง่ายดายด้วย Dropbox เพื่อให้คุณควบคุมการเข้าถึงไฟล์ทั่วทั้งองค์กรของคุณได้อย่างแม่นยำ
Dropbox นั้นให้การรักษาความปลอดภัยในหลายระดับแก่คุณ โดยที่รหัสผ่านเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการป้องกันแบบหลายชั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้ารหัสข้อมูลและวิธีที่ Dropbox ปกป้องเนื้อหาของคุณ
ควบคุมว่าใครจะดูอะไรได้บ้างด้วยการปกป้องด้วยรหัสผ่านสำหรับทุกๆ ไฟล์
ทุกสิ่งที่คุณจัดเก็บไว้ใน Dropbox มีการปกป้องหลายชั้นอยู่แล้ว และการเพิ่มการปกป้องด้วยรหัสผ่านจะช่วยให้คุณสร้างกำแพงป้องกันซ้อนกำแพงป้องกันอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้คุณควบคุมไฟล์ทั้งหมดของคุณได้อย่างแม่นยำ
เมื่อใดก็ตามที่คุณอัปโหลดหรือแบ่งปันไฟล์หรือโฟลเดอร์โดยใช้ Dropbox คุณจะมีตัวเลือกให้เพิ่มรหัสผ่าน โดยสามารถทำได้ง่ายดายบนทุกอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการ เพียงไม่กี่คลิกจากภายในบัญชีของคุณ