Skip to content (Press Enter)

ความแตกต่างระหว่างเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว ผู้ประกอบการ และผู้ทำอาชีพอิสระ: เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคืออะไร

การเพิ่มจำนวนของการทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียวได้ทำให้รูปแบบสตาร์ทอัพแบบดั้งเดิมมีการสั่นคลอน แต่เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคืออะไร และมีความแตกต่างจากเจ้าของธุรกิจแบบอื่นอย่างผู้ประกอบการทั่วไปอย่างไร เราได้อธิบายในคู่มือแนะนำของเราไว้หมดแล้ว

ลองใช้ Dropbox เลยวันนี้
เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวกำลังดำเนินธุรกิจถ่ายภาพของเธอ

เป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยที่โลกธุรกิจจะมีคำศัพท์เฉพาะมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็น "ยูนิคอร์น" ในพื้นที่กิจการเงินร่วมลงทุนหรือเป็นสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญใน "การให้บริการด้านซอฟต์แวร์" (SaaS) ก็ล้วนมีคำที่คิดขึ้นมาเฉพาะสำหรับทุกๆ อย่าง

แต่คำเกิดใหม่ที่คุณอาจไม่คุ้นเคยมาก่อนคือคำว่า เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว

ผลจากการที่ทั่วโลกมีการปรับใช้วิธีการทำงานแบบไฮบริดและมีความคิดแบบ "เร่งรีบ" ทำให้กลุ่มเจ้าของธุรกิจด้วยตัวคนเดียวที่กำลังเติบโตนี้กำลังเปลี่ยนแปลงความหมายของการเป็นสตาร์ทอัพ

ในบทความแนะนำนี้ เราจะมาสำรวจกันว่าเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคืออะไร รวมถึงแตกต่างจากผู้ประกอบการและผู้ทำอาชีพอิสระอย่างไร

 

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวคืออะไร

หากพูดง่ายๆ เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวก็คือผู้ก่อตั้งธุรกิจ โดยเจ้าของธุรกิจดังกล่าวเป็นพนักงานเพียงคนเดียว

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะเป็นทั้งเจ้าของและพนักงานให้กับธุรกิจของตน ซึ่งรับผิดชอบต่อการจัดระเบียบ การจัดการ และการยอมรับความเสี่ยงขององค์กร โดยไม่มีความช่วยเหลือจากพันธมิตร

ณ จุดนี้ คุณอาจกำลังถามตัวเองว่าอย่างนี้เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวต่างไปจากผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพแบบอื่นอย่างไร แน่นอนว่าผู้ประกอบการทุกคนก็เป็นบุคคลคนเดียว ซึ่งเริ่มต้นจากการฉายเดี่ยวแล้วผู้ประกอบการทุกคนไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเช่นนั้นหรือ ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว

เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวมีความแตกต่างออกไป

ภาพประกอบของคนที่กำลังสร้างความสมดุลให้กับหลายอย่างพร้อมกัน ซึ่งสื่อถึงชีวิตประจำวันของเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวและผู้ประกอบการ

ความแตกต่างระหว่างเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวและผู้ประกอบการ

แม้ว่าศัพท์ทั้งสองคำนี้จะมีความหมายคล้ายกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้วทั้งสองคำดังกล่าวแตกต่างกันมาก

เช่นเดียวกับศัพท์ทางธุรกิจหลายคำที่ยากต่อการจำกัดความให้แน่นอนได้ และคุณอาจพบว่าคำอธิบายศัพท์เหล่านั้นมีหลากหลายขึ้นอยู่กับว่าคุณมองในแง่ไหน ดังที่กล่าวมาข้างต้น การจำกัดความต่อไปนี้จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว... ผู้ประกอบการ...
ดำเนินการทุกอย่างในธุรกิจของตน จัดการและมอบหมายงาน
มุ่งเน้นธุรกิจเพียงจุดเดียว มองหาวิธีใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจให้เติบโต
ไม่ต้องเสียเวลาไปกับขั้นตอนโลจิสติกส์มากนัก เสียเวลาไปมากกับการตัดสินใจ
รับมือกับความเสี่ยงทางการเงินที่น้อยกว่า จำเป็นต้องคำนึงถึงเงินเดือน สวัสดิการ และภาษี

คุณจะเห็นได้ว่าเจ้าของธุรกิจแต่ละแบบไม่เพียงแต่มีความแตกต่างด้านการดำเนินงานในแต่ละวัน แต่ยังมีความแตกต่างด้านวิสัยทัศน์ ทิศทางธุรกิจ และขอบเขตของกิจการโดยรวมอีกด้วย

ในเมื่อเรามีข้อมูลสรุประดับสุดยอดแล้ว ก็ควรจะเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญอย่างละเอียดมากขึ้นเพื่อจะได้มองเห็นได้ชัดขึ้นว่า สิ่งที่ทำให้เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวมีลักษณะเฉพาะคืออะไร

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะดำเนินการทุกอย่างในธุรกิจของตน ผู้ประกอบการจะจัดการและมอบหมายงาน

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและพนักงาน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะทำงานไม่ได้หรือไม่ทำงาน และไม่ทำงานร่วมกับคนอื่น แต่เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะไม่จ้างใครมาทำงานเต็มเวลา

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวอาจทำงานควบคู่กับผู้ทำอาชีพอิสระหรือผู้รับจ้าง ตัวอย่างเช่น ร่วมทำงานบางอย่าง หรือทำงานให้เสร็จทันกำหนดเวลาในเดือนอันแสนวุ่นวาย แต่การทำงานดังกล่าวจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในแต่ละวันของธุรกิจ และธุรกิจก็จะไม่พึ่งพาบุคคลเหล่านี้ในการส่งมอบบริการหลัก

ในทางกลับกัน ผู้ประกอบการอาจจะก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเอง แต่โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจะมีการหาวิธีทำให้เติบโต จัดการ และมอบหมายภาระหน้าที่ให้กับผู้อื่น

แนวทางใดแนวทางหนึ่งไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะทั้งสองวิธีเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะรับมือกับการจัดงานให้เป็นระเบียบได้ง่ายกว่าโดยไม่มีเพื่อนร่วมทีม แต่ก็ต้องตั้งค่าและจัดการกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยตัวเองเช่นกัน ในทางตรงข้าม ผู้ประกอบการอาจมีทีมไว้สำหรับดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่จะต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการจัดการไฟล์และการทำงานร่วมกันให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

ผู้ประกอบการมุ่งเน้นไปกับการทำให้ธุรกิจเติบโต เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะมุ่งเน้นไปที่จุดเดียว

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวและผู้ประกอบการแบบดั้งเดิมนั้นก็คือจุดมุ่งหมายหลักที่เป็นรากฐานของธุรกิจ

โดยทั่วไป ผู้ประกอบการต้องการขยายธุรกิจของตนให้เติบโตเพื่อขายในอนาคต การขยายกิจการถือว่าเป็นสัญญาณแห่งความสำเร็จของธุรกิจที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการ

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวไม่ได้มุ่งเน้นถึงการเติบโต ในทางกลับกัน ธุรกิจจะเป็นโครงการที่ขับเคลื่อนตัวธุรกิจเอง ซึ่งจะจ่ายค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเองและทำให้ธุรกิจสมบูรณ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีแผนกลยุทธ์สำรอง

ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการอาจจะเริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารด้วยการลงทุนจำนวนไม่มากในที่แห่งเดียว เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ประกอบการได้วางแผนกลยุทธ์การเติบโตที่ช่วยขยายธุรกิจไปยังที่แห่งอื่นเพิ่มเติมหากบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ผู้ประกอบการหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถขายแฟรนไชส์ร้านอาหารให้กับนักลงทุนเพื่อที่จะสามารถโยกย้ายไปต่อยอดไอเดียอื่นที่เคยได้คิดไว้แล้ว

ในขณะเดียวกัน เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจก่อตั้งธุรกิจถ่ายภาพอิสระขึ้นเอง ถึงจะเริ่มต้นจากการเป็นงานอดิเรก แต่ก็ได้กลายเป็นแหล่งสร้างกำไรมากพอที่จะเป็นกระแสรายได้อันมั่นคง พร้อมกับผลประโยชน์และความยืดหยุ่นของการเป็นเจ้านายตัวเอง เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวไม่ได้มุ่งสร้างธุรกิจดังกล่าวให้กลายเป็นเครือบริษัทถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่เพียงต้องการทำงานตามขอบเขตของตน และทำให้แน่ใจว่ารูปแบบธุรกิจของตนจะมีความยั่งยืน

ผู้ประกอบการจะเสียเวลาไปมากกับการตัดสินใจ เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวไม่จำเป็นต้องคิดนาน

โดยปกติผู้ประกอบการจะมุ่งเน้นถึงการเติบโต จึงต้องมีการตัดสินใจที่สำคัญต่อธุรกิจอยู่บ่อยครั้งและหลายครั้ง กิจการของผู้ประกอบการมีส่วนประกอบที่ต้องจัดการมากกว่า โดยแต่ละส่วนมีความสำคัญต่อทุกการตัดสินใจ

ตัวอย่างเช่น หากผู้ประกอบการได้จัดตั้งเอเจนซีการตลาดและต้องการขยายกิจการ ผู้ประกอบการอาจต้องพิจารณาหาวิธีขยายกิจการ ซึ่งอาจจะต้องมีการหาพื้นที่สำนักงานเพิ่มเติมหรือปรับใช้วิธีการทำงานรูปแบบไฮบริด หากสมาชิกในทีมคนใดทำงานจากระยะไกล ผู้ประกอบการอาจยังต้องหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจว่าทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

การตัดสินใจของเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวถือว่าค่อนข้างมีความตรงไปตรงมาและเป็นการตัดสินใจที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ตัวอย่างเช่น เจ้าของธุรกิจที่ปรึกษาด้านแบรนด์แบบคนเดียวทำงานจากที่บ้านและได้มาทำงานในพื้นที่ทำงานร่วมกันเป็นบางครั้ง เจ้าของธุรกิจดังกล่าวไม่จำเป็นต้องคอยนึกถึงวัฒนธรรมการทำงาน ข้อกำหนดด้านพื้นที่ หรือปัจจัยอื่นๆ เพราะเป็นพนักงานเพียงคนเดียว

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะต้องรับมือกับความเสี่ยงทางการเงินที่น้อยกว่า ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคำนึงถึงเงินเดือน สวัสดิการ และภาษี

ไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจเท่านั้นที่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว แต่การเงินก็เช่นกัน

สำหรับผู้ประกอบการแล้ว มีปัจจัยทางการเงินมากมายที่ต้องจัดการ เช่น เงินเดือน สวัสดิการ และภาษี ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น และยังไม่รวมถึงการมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไฟล์ที่เหมาะสมไว้ใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงเอกสารทางการเงินได้เมื่อต้องการ

ถึงแม้เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวจะยังต้องมีการวางแผนทางการเงิน การจัดการภาษี หรืองานด้านการเงินอื่นๆ อยู่ ปัจจัยเหล่านี้จะไม่เป็นเรื่องที่ยากเลยเพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเพียงคนเดียว

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวทำงานจากท้ายรถ RV ซึ่งกำลังดำเนินธุรกิจของเขาจากระยะไกล

ผู้ทำอาชีพอิสระถือว่าเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวหรือไม่

ขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งคำถามนี้กับใคร

เนื่องจากเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นใหม่ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีความคล้ายคลึงกับผู้ทำอาชีพอิสระ แต่ความคิดเห็นก็มีแตกต่างออกไปแล้วแต่บุคคล

บางคนคิดว่าผู้ทำอาชีพอิสระจะถือว่ามีอาชีพอิสระไปจนกว่าธุรกิจเติบโตไปถึงระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น จากนั้นก็จะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเพราะถูกมองว่ามีการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ผู้ทำอาชีพอิสระจะถูกมองว่าเป็นผู้รับจ้างที่มีฐานลูกค้าขนาดเล็ก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราย้อนกลับไปดูการจำกัดความที่เราได้ให้ไว้ จะทราบได้ว่าเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเป็นบุคคลที่จัดตั้งและดำเนินธุรกิจของตนโดยไม่มีความช่วยเหลือ หากผู้ทำอาชีพอิสระดำเนินธุรกิจแบบนี้ก็อาจะสมควรพิจารณาได้ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว

การคิดว่าผู้ทำอาชีพอิสระบางคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวได้อาจเป็นเรื่องง่ายที่สุด แต่เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวอาจจะไม่ใช่ผู้ทำอาชีพอิสระทุกคน นักออกแบบกราฟิกอิสระที่ทำงานเต็มเวลาให้กับกลุ่มลูกค้าประจำ 10 ราย ถือว่าเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวหรือไม่ เป็นไปได้ว่าใช่ แล้วคุณคิดว่าธุรกิจดูแลสุนัขแบบคนเดียวถือว่าเป็นอาชีพอิสระหรือไม่ ก็คงอาจจะไม่

ท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างและการจำกัดความเหล่านี้ไม่ควรกำหนดตัวคุณหรือธุรกิจของคุณ แต่ควรใช้เป็นเพียงแนวทางแนะนำให้คุณได้เข้าสู่เส้นทางการทำความเข้าใจถึงเป้าหมาย และมีแนวทางปฏิบัติสำหรับกิจการของคุณ

แนวคิดเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ

หากความคิดที่ว่าคุณเองก็มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวได้ทำให้คุณตื่นเต้น แต่พบว่าคุณต้องการแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นก็ไม่ต้องไปหาจากที่อื่นอีกแล้วเพราะเรามีคำตอบให้คุณ

สี่รูปแบบธุรกิจแบบคนเดียวทั่วไปที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเองมีดังนี้

เริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเน้นการขายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านทางอินเทอร์เน็ต

ธุรกิจนี้เหมาะกับเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ขายจริงเหมือนร้านค้าแบบดั้งเดิม ส่งผลให้ความต้องการพนักงานเพิ่มเติม เช่น พนักงานขายลดลง นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำให้กิจกรรมและกระบวนการอีคอมเมิร์ซต่างๆ มากมายดำเนินการอย่างอัตโนมัติได้ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องดำเนินการเองในทุกคำสั่งซื้อที่ผ่านเข้ามา

แนวทางปฏิบัติอย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงความคิดแบบเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวโดยเฉพาะในพื้นที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซคือ "การดรอปชิป" หากคุณไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน การดรอปชิปคือรูปแบบใหม่ของการขายออนไลน์ โดยผู้ขายไม่ได้เก็บสินค้าใดๆ ไว้ในคลังสินค้าแต่จะสั่งสินค้าจากผู้ผลิตเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา

การดรอปชิปจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้คุณมุ่งเน้นด้านการดำเนินธุรกิจน้อยลง แล้วมุ่งเน้นให้มากขึ้นในการเลือกสรรแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์และสร้างการรับรู้

ลองทำอาชีพอิสระ

ตามที่ได้อธิบายในคู่มือของเราไว้ก่อนหน้านี้ว่า ความแตกต่างระหว่างผู้ทำอาชีพอิสระกับเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวมีความไม่ชัดเจนอยู่มาก

โดยทั่วไป คำว่าอาชีพอิสระจะเกี่ยวข้องกับบทบาทที่เน้นถึงการสนับสนุนธุรกิจด้วยการออกแบบ การพัฒนา หรือการผลิตในบางแง่มุม คุณสามารถทำอาชีพอิสระเป็นนักเขียน นักออกแบบกราฟิก นักแต่งเพลง หรือหนึ่งในบทบาทอื่นๆ อีกมากมายที่มีความต้องการจากธุรกิจเป็นระยะๆ ได้

หากต้องการค้นหาตำแหน่งงานอิสระที่เหมาะกับคุณ ให้ลองนึกถึงความชอบและทักษะของคุณ อย่างคุณเป็นนักเขียนที่มีความมั่นใจไหม คุณอาจเหมาะกับการทำงานในตำแหน่งการเขียนคำโฆษณาก็ได้ คุณมีประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับภาษาโปรแกรมเฉพาะเป็นเวลาหลายปีหรือเปล่า คุณอาจพิจารณาทำงานเป็นนักพัฒนาอิสระก็ได้

หากคุณมีทักษะที่ธุรกิจต้องการและยินดีจ่าย เช่นนั้นถือเป็นสัญญาณที่ดีของโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียว

เมื่อทำงานอิสระ สิ่งสำคัญที่ต้องจำเอาไว้คือคุณกำลังรวมตัวเข้ากับทีม รวมถึงจะต้องแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถแบ่งปัน และทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับเพื่อนร่วมงานใหม่ของคุณได้ หากคุณรับจ้างเป็นนักตัดต่อวิดีโอ คุณจะต้องแน่ใจว่าสามารถรับข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอได้โดยไม่กระทบเทือนต่อขั้นตอนการทำงาน

พิจารณาการให้คำปรึกษาและฝึกสอน

คุณไม่จำเป็นต้องนึกถึงแต่การส่งมอบงานให้กับธุรกิจเท่านั้น

หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขางานของคุณ และมีประสบการณ์บวกกับความมั่นใจที่อยู่ในระดับเหมาะสม การให้คำปรึกษาและฝึกสอนก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน

งานรูปแบบนี้จะไม่เกี่ยวกับการผลิตสินทรัพย์ที่ได้รับฟังสรุปมา แต่จะเกี่ยวกับการนำองค์ความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อนั้นๆ มาช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีประสบการณ์สั่งสมมากมายในด้านอัตลักษณ์ของแบรนด์และกลยุทธ์การออกแบบ คุณอาจนำประสบการณ์นี้มาใช้สร้างตัวเองให้เป็นเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวในการเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายและวิธีที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

รายได้ที่ไม่ต้องลงแรง

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องพิจารณาคือ รายได้ที่ไม่ต้องลงแรง

หากพูดง่ายๆ รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงคือแนวของการสร้างรายได้ประจำด้วยการลงแรงเพียงเล็กน้อย หรือไม่ก็ไม่มีการลงแรงเลย

ตัวอย่างดั้งเดิมของรายได้ที่ไม่ต้องลงแรงคือ อาจรวมถึงทรัพย์ที่เกิดจากการลงทุน ค่าลิขสิทธิ์ที่ได้รับจากงานสร้างสรรค์ หรือรายได้จากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์

แต่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของ "งานพิเศษ" และการเกิดขึ้นของระบบอัตโนมัติก็ช่วยให้มีโอกาสในการสร้างรายได้ที่ไม่ต้องลงแรงมากกว่าที่เคย คุณอาจพัฒนาแอป ขายรูปภาพสต๊อก หรือสร้างร้านพิมพ์ตามความต้องการเพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปได้

เจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวกำลังดำเนินธุรกิจของเธออย่างสะดวกสบายจากบ้านของเธอเอง

ทำงานคนเดียวแต่ไม่โดดเดี่ยว

คุณอาจจะได้ดูแลทุกอย่างในธุรกิจแบบเดี่ยวของคุณ แต่ในทุกๆ วัน คุณจำเป็นต้องมีพื้นที่บางแห่งที่จะนำงานของคุณและลูกค้าของคุณมาอยู่รวมกัน

Dropbox ถูกออกแบบมาทำให้วันทำงานของคุณมีการทำงานร่วมกันให้มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะทำงานคนเดียวในโครงการหรืออยากเชิญลูกค้าให้เข้ามาในพื้นที่บางแห่งเพื่อให้ข้อคิดเห็นในงานที่คุณได้ส่งมอบไปแล้ว Dropbox ก็มีคุณสมบัติที่ช่วยได้

การแบ่งปันไฟล์ที่ปลอดภัยและบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนนั้นเป็นเพียงตัวอย่างคร่าวๆ เท่านั้น คอยดูตอนที่คุณได้เริ่มทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ข้ามระยะทางที่ไกลโพ้น หรือรับข้อคิดเห็น และหมายเหตุประกอบแบบทันทีในโครงการวิดีโอล่าสุดของคุณ คุณยังสามารถตั้งค่าระบบอัตโนมัติในการสำรองข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ เผื่อไว้กรณีเกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดขึ้น แล้วคุณต้องการกู้คืนไฟล์ของคุณในภายหลัง

ค้นพบพื้นที่สำหรับงานทั้งหมดของคุณ

ลองใช้ Dropbox เลยวันนี้