โลกศิลปะเติบโตขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง สื่อทางศิลปะ รวมถึงวิธีที่เราซึมซับและตีความงานศิลปะกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้มาตรฐานสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ว่าคุณจะเป็น Picasso ผู้มุ่งมั่น Banksy ผู้เป็นศิลปินหน้าใหม่ หรือนักออกแบบที่มีความสามารถ ศิลปะดิจิทัลจะนำเสนอโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับคุณในการเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กลายเป็นรายได้แบบลงแรงหรือไม่ต้องลงแรง
ในคู่มือเกี่ยวกับศิลปะดิจิทัลฉบับสมบูรณ์นี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับแหล่งและวิธีที่คุณสามารถขายงานศิลปะดิจิทัลทางออนไลน์ได้ แต่อันดับแรก เรามาดูกันว่าศิลปะดิจิทัลแตกต่างจากรูปแบบศิลปะ "ดั้งเดิม" อย่างไร
ข้ามไปดูที่ส่วนต่อไปนี้
- ความท้าทายของงานศิลปะดิจิทัล และวิธีเอาชนะความท้าทาย
- ศิลปะดิจิทัลสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณหรือไม่
- ประเภทของงานศิลปะดิจิทัลที่ขายกันทั่วไปทางออนไลน์
- แหล่งที่เหมาะสำหรับการขายงานศิลปะดิจิทัลมากที่สุดคือที่ใด
- วิธีขายงานศิลปะดิจิทัลทางออนไลน์ด้วย Dropbox Shop
- วิธีช่วยให้ธุรกิจงานศิลปะดิจิทัลของคุณเติบโต
ความท้าทายของงานศิลปะดิจิทัล และวิธีเอาชนะความท้าทาย
หากคุณสร้างงานศิลปะที่วาดด้วยมืออันประเมินค่าไม่ได้ที่มีการนำไปประมูลขายหรืองานพิมพ์การออกแบบกราฟิกจำนวนจำกัด ก็ชัดเจนเลยว่าคุณกำลังขายสำเนาของงานศิลปะที่จับต้องได้อยู่ จากนั้น ผู้ซื้อก็สามารถนำงานศิลปะกลับบ้านและมีความสุขกับการเป็นเจ้าของได้
ทว่าเมื่อมีผู้ซื้องานศิลปะดิจิทัลของคุณ โดยหลักการแล้ว ผู้ซื้อจะสามารถแบ่งปันและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ตามต้องการ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจคือ คุณจะสร้างงานศิลปะดิจิทัลที่มีคุณค่าต่อผู้ซื้อได้อย่างไร
วิธีบรรลุเป้าหมายนี้มีอยู่ด้วยกันสองสามทาง ได้แก่
- ทำให้งานศิลปะดิจิทัลมีประโยชน์ เช่น ชุดผลงาน
- ทำให้งานศิลปะดิจิทัลเฉพาะบุคคล เช่น งานศิลปะแบบสั่งทำจากการจ้างวาดภาพ
- ทำให้งานศิลปะดิจิทัลเป็นเอกลักษณ์ด้วยเทคโนโลยี เช่น NFT และรูปแบบที่คล้ายกัน

ศิลปะดิจิทัลสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณหรือไม่
ศิลปะดิจิทัลสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณหลากหลายวิธี งานศิลปะดิจิทัลสามารถสร้างรายได้แบบลงแรงให้กับคุณได้ โดยให้การฝึกฝนงานศิลปะเป็นงานเต็มเวลาที่สร้างค่าตอบแทนรายเดือนแก่คุณ
หรืออีกทางหนึ่ง งานศิลปะดิจิทัลของคุณก็อาจจะเป็นแหล่งรายได้แบบไม่ต้องลงแรง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถขายชุดผลงานหรือกราฟิกที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าในช่องทางการซื้อขายได้ ซึ่งจะทำให้รายได้ใหม่หลั่งไหลเข้ามา แต่ต้องใช้เวลาหรือความพยายามเพียงเล็กน้อยเมื่อลงรายการงานศิลปะเหล่านั้นแล้ว
โดยทั่วไป งานศิลปะดิจิทัลของคุณจะสร้างรายได้ให้กับคุณอย่างไรขึ้นอยู่กับสองสิ่ง ได้แก่ ประเภทของงานศิลปะที่คุณกำลังสร้าง และวิธีการขายที่คุณเลือก ทั้งนี้เนื่องจากงานศิลปะบางประเภท (เช่น ชิ้นงานต้นฉบับหรือการจ้างวาดภาพ) จะมีลักษณะที่ให้คุณค่ามากกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีขายทั่วไป
ประเภทของงานศิลปะดิจิทัลที่ขายกันทั่วไปทางออนไลน์
"ศิลปะดิจิทัล" เป็นคำที่มีความหมายกว้างๆ ซึ่งหมายถึงสื่อและรูปแบบต่างๆ ที่มีความหลากหลายอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว เส้นทางสู่ความสำเร็จในด้านศิลปะดิจิทัลจะมีอยู่ด้วยกันสองแนวทาง ได้แก่
- การหาตลาดเฉพาะกลุ่ม ค้นหาชุมชนสร้างสรรค์ การเคลื่อนไหว หรือหมวดหมู่ศิลปะที่เกิดใหม่ซึ่งมีผู้ชมจำนวนมาก แต่มีงานศิลปะจำนวนจำกัด ในหลายกรณี ผู้ชมเหล่านี้ก็ยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อชิ้นงานศิลปะเฉพาะกลุ่มที่สร้างสรรค์โดยศิลปินมากความสามารถผู้มีชุดทักษะหรือความสนใจเฉพาะด้าน
- การพัฒนาสไตล์ที่โดดเด่น ทำให้คนรู้จักจากสไตล์ของคุณ ซึ่งมาจากผลงานทั้งหมดของคุณเอง นำเสนอสิ่งที่คู่แข่งของคุณให้ไม่ได้ และไม่สามารถหาได้จากที่อื่นนอกจากการจ้างคุณให้วาดภาพโดยตรง
ในหัวข้อต่อไป เราจะมุ่งเน้นไปที่ประเภทของงานศิลปะดิจิทัลที่สามารถขายทางออนไลน์ได้ พร้อมทั้งวิธีการต่างๆ ในการขายศิลปะดิจิทัล
การจ้างวาดภาพและงานศิลปะต้นฉบับ
การจ้างวาดภาพเป็นกระบวนการในการขอให้สร้างงานศิลปะในนามของบุคคลอื่น โดยผู้ซื้อจะจ้างศิลปินที่จะผลิตชิ้นงานต้นฉบับตามคำขอของลูกค้ารายนั้น ซึ่งการจ้างให้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอาจจะมาจากบุคคล ธุรกิจ องค์กร หรือแม้กระทั่งรัฐบาลก็ได้
การจ้างวาดภาพเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการสร้างงานศิลปะที่มีคุณค่า มีเอกลักษณ์ และมีคุณภาพสูงให้กับลูกค้า ลูกค้าจะได้รับผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์หรือใช้ส่วนตัว ซึ่งไม่สามารถสร้างหรือทำซ้ำเป็นอย่างอื่นได้

โลโก้และกราฟิกแบบเวกเตอร์
สำหรับวิธีง่ายๆ ในการหารายได้แบบไม่ต้องลงแรง คุณสามารถสร้างงานพิมพ์ศิลปะดิจิทัลเพื่อใส่บนเสื้อยืด เคสโทรศัพท์ สติกเกอร์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จับต้องได้
หรือคุณสามารถเปลี่ยนไปรับงานออกแบบอิสระและสร้างงานศิลปะหรืองานออกแบบให้กับแบรนด์ตามที่ลูกค้าสั่งได้ ในทุกๆ วัน ธุรกิจขนาดเล็ก ผู้สร้างเนื้อหา และเจ้าของธุรกิจแบบคนเดียวกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และแต่ละคนก็ต้องการฝ่ายสนับสนุนในการสร้างแบรนด์ให้กับโครงการใหม่ของตนเอง
ผู้คนเหล่านั้นอาจไม่สามารถจ้างบริษัทตัวแทนออกแบบเต็มเวลาได้ และอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตชุดเครื่องมือสำหรับการสร้างแบรนด์ภายในบริษัท ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมธุรกิจเหล่านี้จึงแสวงหางานออกแบบต้นฉบับจากผู้รับจ้างอิสระ หรือซื้อกราฟิกแบบเวกเตอร์ที่สร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อทำให้โครงการของตนเองเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว
แบบอักษร
แบบอักษรบนเว็บไซต์สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์บนโลกออนไลน์ได้มากมาย เช่นเดียวกับโลโก้และกราฟิกแบบเวกเตอร์ การพัฒนาแบบอักษรที่เป็นเอกลักษณ์สามารถเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาลซึ่งสามารถเข้าถึงทั้งนักออกแบบมืออาชีพและมือใหม่ได้
ฟิลเตอร์ของโซเชียล
พวกเราหลายคนคงจะคุ้นเคยกับฟิลเตอร์สไตล์และ AR สำหรับรูปภาพและวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย แต่รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถสร้างและขายฟิลเตอร์แบบกำหนดเองได้เช่นกัน
เมื่อสร้างแล้ว ฟิลเตอร์แบบกำหนดเองจะขายผ่านช่องทางการซื้อขายออนไลน์ได้โดยง่าย ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดไฟล์และนำเข้าสู่แกลเลอรีฟิลเตอร์ในแอปของตนเองได้
อีโมต ภาพเคลื่อนไหว และป้ายของ Twitch
Twitch ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสด มีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้ชมจำนวนมากทั่วโลก เนื่องจาก Twitch เป็นที่นิยม Twitch มักจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมลองพยายามสตรีมเป็นครั้งแรกเพื่อถ่ายทำสตรีมสตาร์ดอม
เช่นเดียวกับที่มีตลาดสำหรับโลโก้ในธุรกิจขนาดเล็กและพื้นที่สตาร์ทอัพ ก็มีตลาดขนาดใหญ่สำหรับป้าย ไอคอนสำหรับช่อง อีโมจิแชทแบบกำหนดเอง และเอฟเฟกต์หรือภาพเคลื่อนไหวในสตรีมที่เทียบเท่ากับของ Twitch ด้วยเช่นกัน
โมเดลการพิมพ์ 3 มิติ
ไม่เป็นไรถ้าคุณจะคิดว่างานศิลปะดิจิทัลจะต้องอยู่ในรูปแบบดิจิทัล แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย! เมื่อมีการพิมพ์ 3 มิติมากขึ้น บริการพิมพ์ตามสั่งก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น
โดยมีอยู่หลายประเภทจนนับไม่ถ้วน แต่ตัวอย่างบางส่วนก็มีดังต่อไปนี้
- สิ่งของจำลองขนาดเล็กและรูปปั้นขนาดจิ๋วสำหรับเกมที่เล่นบนโต๊ะ
- ชิ้นของบนเกมกระดานแบบกำหนดเอง
- รูปปั้นและงานศิลปะที่เหมือนประติมากรรมอื่นๆ
- หรืออะไรก็ได้ที่คุณนึกออก แล้วโมเดลจำลองขนาดเล็กของเทือกเขา อาคาร หรือแผนที่ภูมิประเทศที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกาล่ะ
NFT
NFT หรือ "โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนได้" เป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครไม่รู้จักในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งปรากฏอยู่ในวงจรข่าวอยู่สม่ำเสมอ โทเคนดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางส่วนของศิลปะแบบดั้งเดิมและดิจิทัล กล่าวคือแหล่งที่มาและการผลิตซ้ำ
เมื่อใช้ NFT ก็จะมีการใช้สตริงของโค้ดและเทคโนโลยีบล็อกเชนในการสร้างรูปแบบใบเสร็จดิจิทัลสำหรับงานศิลปะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะมีสำเนาจำนวนเท่าใดก็ตาม บุคคลที่จดทะเบียนก็คือเจ้าของอย่างเป็นทางการของงานศิลปะดิจิทัลชิ้นนั้น
โดยทั่วไปแล้ว NFT จะเป็นชิ้นงานที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัด ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลอื่นๆ เช่น สติกเกอร์ และศิลปะแบบเวกเตอร์ NTF จะขายในช่องทางการซื้อขาย เช่น Opensea หรือ Rarible ซึ่งจัดการ "การสร้างเหรียญ" ของงานศิลปะ และการนำบล็อกไปใช้ วิธีนี้ทำให้ NFT เป็นของสะสมดิจิทัลที่มีคุณสมบัติไม่เหมือนใครและน่าดึงดูดใจ
การเกิดขึ้นของสื่อที่สร้างความแตกแยกนี้ได้ทำให้ชุมชนศิลปะและชุมชนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยในตอนแรกหลายๆ คนมองว่ามันเป็นแค่กระแสเพียงชั่วครู่ แม้ว่าจะยังไม่เห็นผลกระทบระยะยาวของ NTF ที่มีต่ออุตสาหกรรมศิลปะ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคุณค่าของ NFT ที่คนรับรู้ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว มีการคาดการณ์ว่าขนาดของตลาด NFT ทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 147.27 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 ถึง 2026
แหล่งที่เหมาะสำหรับการขายงานศิลปะดิจิทัลมากที่สุดคือที่ใด
คุณมีตัวเลือกอยู่สองสามอย่างว่าจะขายงานศิลปะของคุณที่ไหนและอย่างไร โดยขึ้นอยู่กับประเภทของงานศิลปะที่คุณกำลังขาย ซึ่งได้แก่
- ช่องทางการซื้อออนไลน์ ช่องทางเหล่านี้มีข้อได้เปรียบเนื่องจากมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ แต่ก็มักจะเลยจุดอิ่มตัวเนื่องจากมีการแข่งขันสูงและมีการปรับแต่งที่จำกัดสำหรับผู้ขาย ในกรณีของ NFT ช่องทางการซื้อขายเป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีและประสบการณ์
- ใบเสนอราคาแบบสั่งทำ หากคุณขายชิ้นงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น คุณสามารถจัดการใบเสนอราคาได้โดยตรงเสมอ รวมถึงเสนอช่องทางในการติดต่อและสอบถามการจ้างวาดภาพหรือชิ้นงานที่จะทำเป็นพิเศษได้ง่ายๆ
- หน้าร้านของคุณเอง รวมการประมวลผลการชำระเงินที่ง่ายขึ้นและการจัดการหน้าร้านของช่องทางการซื้อขายเข้ากับเอกลักษณ์และการปรับแต่งของโซลูชันที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น Dropbox Shop มอบสิ่งที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ โดยให้คุณขายงานศิลปะในพื้นที่เดียวตามเงื่อนไขที่กำหนดเอง

วิธีขายงานศิลปะดิจิทัลทางออนไลน์ด้วย Dropbox Shop
Dropbox Shop เป็นโซลูชันที่เหมาะกับศิลปินดิจิทัล ซึ่งรักษาการควบคุมชิ้นงานและข้อมูลการขายของคุณอย่างสมบูรณ์ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในสไตล์เฉพาะของคุณที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นโดดเด่น
การขายงานศิลปะดิจิทัลของคุณทางออนไลน์ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยากหรือใช้เวลานาน กระบวนการทีละขั้นตอนง่ายๆ ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย Dropbox Shop มีดังนี้
1. สร้างและปรับแต่งร้านค้าของคุณ
คุณจะต้องสร้างการลงขายครั้งแรกของคุณ และเชื่อมต่อกับหน่วยประมวลผลการชำระเงินก่อนตั้งค่าร้านค้า เมื่อเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถสร้างและปรับแต่งร้านค้าของคุณได้ง่ายๆ โดย
- ลงชื่อเข้าใช้ dropbox.com
- คลิกที่ไอคอนตารางตรงมุมบนซ้าย จากเมนู ให้เลือกร้านค้า
- ในแถบข้างด้านขวา ให้คลิกที่ปรับแต่ง (ด้านล่าง ออกแบบร้านค้าของคุณ)
- เลือกการลงขายที่จะใส่ไว้ในหน้าร้านของคุณ จากนั้นคลิกดำเนินการต่อ
- ใส่ลิงก์ ภาพพื้นหลัง ภาพเบลอ และระดับสีที่กำหนดเองให้กับร้านค้าของคุณ จากนั้นคลิกดำเนินการต่อ
2. สร้าง (และอัพเดท) การลงขายผลิตภัณฑ์ของคุณ
คุณสามารถเพิ่มไฟล์ดิจิทัลหลายไฟล์ลงในการลงขายรายการเดียวได้ หากต้องการสร้างการลงขาย ให้ดำเนินการดังนี้
- ใน Dropbox Shop ให้ไปที่มุมบนขวาบนหน้าจอของคุณ แล้วคลิกที่สร้างรายการ
- หมายเหตุ: หากคุณลงขายเป็นครั้งแรก ระบบจะขอให้คุณเริ่มขายแทน โดยคุณจะต้องยอมรับข้อตกลงสำหรับผู้ขายของ Dropbox Shop ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้
- ตั้งชื่อและราคาในการลงขายของคุณ
- หมายเหตุ: ไฟล์ทั้งหมดที่เพิ่มลงในการลงขายของคุณจะต้องมีขนาดเล็กกว่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ว่างอยู่ของคุณ
- ไม่บังคับ: หากต้องการเสนอการลงขายฟรี ให้กดปุ่มสลับไปใช้เสนอผลิตภัณฑ์นี้ฟรีในราคา โดยคุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ได้ตลอดเวลา
- ในแกลเลอรีแสดงตัวอย่าง ให้เลือกเมนูดรอปดาวน์ถัดจากเพิ่มไฟล์
- หมายเหตุ: คลิกและลากภาพตัวอย่างเพื่อจัดลำดับไฟล์ของคุณใหม่ คุณจะสามารถดูได้ว่าลูกค้าเห็นการลงขายเป็นอย่างไรได้ทางด้านขวาของหน้าจอ
- ในไฟล์สำหรับจัดส่ง ให้เลือกเมนูดรอปดาวน์ถัดจากเพิ่มไฟล์
- ไม่ต้องเลือกช่องดูได้อย่างเดียว เพื่อให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดไฟล์ของคุณได้
- ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ
- ใส่คำอธิบายและ/หรือความเป็นมาให้กับการลงขายของคุณ
- กดปุ่มสลับอนุญาตให้ลูกค้าเพิ่มทิป เพื่อให้ลูกค้าของคุณสามารถเพิ่มทิปเมื่อซื้อสินค้าได้
- กดปุ่มสลับเพิ่มรายการนี้ไปยังร้านค้าของฉัน เพื่อเพิ่มการลงขายนี้ไปยังร้านค้าของคุณ
- คลิกดำเนินการต่อ
หากต้องการแก้ไขหรือลบการลงขายของคุณ ให้ดำเนินการดังนี้
- คลิกที่ "..." (จุดไข่ปลา) ใต้ชื่อการลงขายที่คุณต้องการแก้ไขหรือลบ
- ให้คุณทำการแก้ไข จากนั้นคลิกที่บันทึกการเปลี่ยนแปลง
- หรือคลิกลบ
3.แบ่งปันและฝังการลงขายของคุณ
คุณสามารถแบ่งปันการลงขายเฉพาะรายการสำหรับสินค้าชิ้นเดียวหรือร้านค้าของคุณทั้งร้านก็ได้ โดยต้องดำเนินการดังนี้
- คลิกปุ่มคัดลอกลิงก์ (ไอคอนลูกโซ่) ใต้ชื่อการลงขายที่คุณต้องการจะแบ่งปัน
- หรือหากต้องการแบ่งปันร้านค้าของคุณทั้งร้าน ให้คลิกลิงก์ใต้ชื่อผู้ขายของคุณ
- วางลิงก์ในตำแหน่งที่คุณต้องการจะแบ่งปัน
ฝังการลงขาย Dropbox Shop ลงในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถซื้องานศิลปะดิจิทัลได้โดยไม่ต้องออกจากเว็บไซต์
- สร้างโค้ดฝังตัวใน Dropbox Shop
- คลิกแบ่งปันใต้ชื่อการลงขาย จากนั้นให้กดฝัง
- เลือกการกำหนดค่าและการดำเนินการสำหรับการลงขายของคุณ จากนั้นคลิกคัดลอก
- เพิ่มโค้ดฝังตัวลงในเว็บไซต์ของคุณ

4. ดูประสิทธิภาพการขายของคุณ
หากต้องการปรับปรุงธุรกิจออนไลน์ของคุณให้ดีขึ้นและรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า การตรวจสอบติดตามประสิทธิภาพการขายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
เมื่อเปิด Dropbox Shop ยอดเข้าชม ยอดขาย และรายได้ทั้งหมดสำหรับการลงขายงานศิลปะดิจิทัลของคุณจะอยู่ที่ด้านบนสุดของหน้าใต้ภาพรวม
คุณสามารถดูยอดเข้าชม ยอดขาย และรายได้สำหรับการลงขายเฉพาะรายการได้ที่ด้านล่างปุ่มคัดลอกลิงก์ (ไอคอนลูกโซ่) และ “…” (จุดไข่ปลา)
หากต้องการดูสถิติเพิ่มเติม เช่น แหล่งที่มาของการเข้าชม และคอนเวอร์ชันตามแหล่งที่มาของการเข้าชมสำหรับการลงขายเฉพาะรายการ ให้คลิกที่การลงขายนั้น
5. จัดการลูกค้าของคุณ
หากต้องการดูรายชื่อผู้คนที่ซื้องานศิลปะดิจิทัลจากหน้าร้าน Dropbox Shop ของคุณ ให้คลิกที่ไอคอนลูกค้า (คนสองคน) ในแถบข้างด้านซ้าย
นอกจากนี้ คุณยังจะเห็นรายละเอียดการซื้อของลูกค้าแต่ละรายอีกด้วย เช่น จำนวนคำสั่งซื้อที่ลูกค้าสั่งซื้อ และจำนวนเงินที่จ่ายไป
วิธีช่วยให้ธุรกิจงานศิลปะดิจิทัลของคุณเติบโต
เมื่อตั้งค่าหน้าร้าน Dropbox Shop ของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มดึงดูดลูกค้ามาที่แกลเลอรีออนไลน์ของคุณ และทำให้ลูกค้าเหล่านั้นซื้อสินค้า
ราคา
ทุกคนที่อยู่ในวงการตลาดศิลปะจะบอกคุณว่าการตั้งราคางานศิลปะอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย การตั้งราคาสำหรับงานศิลปะดิจิทัลจะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้เล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น เมื่อพิมพ์บนผ้าใบ คุณจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น วัสดุ กรอบ ค่าจัดส่ง และแรงงาน แต่สำหรับงานศิลปะดิจิทัล คุณจะต้องคำนึงถึงเวลาและความพยายามที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้เท่านั้น
หากคุณกำลังขายของที่จับต้องได้และใช้งานได้จริง เช่น สินทรัพย์ด้านการออกแบบ หรือโมเดลการพิมพ์ 3 มิติ การวิจัยตลาดก็สามารถช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่า โดยทั่วไปแล้วรายการที่คล้ายกันนั้นขายในราคาเท่าไหร่
หากคุณกำลังขายของแบบสั่งทำ ให้ทำการวิจัยเกี่ยวกับศิลปินที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน และดูว่าศิลปินเหล่านั้นเก็บค่าบริการเท่าไหร่ คุณอาจจะพบว่าการตั้งราคาที่ต่ำในตอนแรกจะช่วยคุณสามารถกระตุ้นธุรกิจได้ในช่วงแรกและได้รับการชื่นชม หลังจากนั้น คุณก็สามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นตามความต้องการได้
นำการบริการของคุณเข้าสู่ตลาด
คุณสามารถช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จได้ด้วยการโปรโมตงานของคุณในที่ที่กลุ่มเป้าหมายไปเยี่ยมชมเป็นประจำ คุณสามารถสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำได้โดยใช้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น Dropbox Paper เพื่อช่วยติดตามกิจกรรมทางการตลาดของคุณ
โซเชียลมีเดียจะเป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับเพื่อนศิลปินและดึงดูดลูกค้าเป้าหมายผ่านทางโพสต์ของคุณได้ โปรดจำไว้ว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากจะดูเนื้อหาที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม ดังนั้น ให้พิจารณาแบ่งเนื้อหาออกเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อแสดงผลงานของคุณ เช่น
- วิดีโอ TikTok
- บัญชี Instagram ที่คัดสรรแล้ว ซึ่งมีคลิป Reel รวมถึงโพสต์รูปภาพและภาพแบบเลื่อนดูทั่วไป
- แฮชแท็ก Twitter เพื่อให้บัญชีศิลปะสามารถมองเห็นและแบ่งปันผลงานของคุณได้
- ฟอรัม Reddit
- บอร์ด Pinterest
หากคุณมีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย คุณก็สามารถเพิ่มลงในประวัติของคุณได้ว่า "รับวาดภาพ" และอย่าลืมใส่ลิงก์เพื่อไปยังหน้าร้าน Dropbox Shop ของคุณในทุกที่ที่สามารถทำได้!

เปิดรับศิลปะการขายด้วย Dropbox Shop
Dropbox Shop เป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับจัดเก็บ ขาย และส่งงานศิลปะดิจิทัลของคุณ คุณสามารถสร้างหน้าร้าน จัดการการลงขาย และตรวจสอบติดตามการขายของคุณได้ง่ายๆ เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจงานศิลปะดิจิทัลในแบบของคุณ