ดัชนีสตาร์ทอัพของ DocSend เผยให้เห็นแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปในหมู่ธุรกิจเงินร่วมลงทุน ข้อมูลเผยให้เห็นว่านักลงทุนใช้เวลาเพียง 3 นาทีในการพิจารณาข้อมูลการนำเสนอของคุณ และนั่นคือตัวกำหนดว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่
กล่าวง่ายๆ คือ หากข้อมูลการนำเสนอของคุณไม่ได้ดึงดูดใจนักลงทุนในทันที แสดงว่าคุณได้พลาดโอกาสของคุณไปแล้ว แล้วนักลงทุนต้องการอะไร และคุณจะสร้างความได้เปรียบอย่างไร
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราเพื่อดูการเปิดเผยข้อมูลอย่างหมดเปลือก และเรียนรู้วิธีเสนอขายต่อนักลงทุนได้ในคู่มือการสร้างการเสนอขายที่น่าจดจำฉบับสมบูรณ์ของเรา
ข้ามไปดูที่ส่วนต่างๆ สำหรับการเสนอขายครั้งต่อไปของคุณ
- นักลงทุนมองหาอะไรในการนำเสนอขาย
- เสนอขายแบบสั้นกระชับ
- บอกเล่าเรื่องราวของคุณ
- แสดงการวิจัยทางการตลาดของคุณ
- แนะนำและสาธิตผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณ
- อธิบายรูปแบบรายได้และธุรกิจ
- อธิบายว่าคุณจะดึงดูดธุรกิจอย่างไร
- นำเสนอทีมของคุณ
- อธิบายการคาดการณ์ทางการเงินของคุณ
- ให้เหตุผลถึงความต้องการในการระดมทุนของคุณ
- อธิบายกลยุทธ์การออกจากการทำธุรกิจของคุณ
- ข้อผิดพลาดทั่วไป
นักลงทุนมองหาอะไรในการนำเสนอขาย
สิ่งที่นักลงทุนต้องการคือการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลตัวเลขของธุรกิจของคุณแบบเข้าใจง่าย พร้อมภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับไอเดียของคุณ เกณฑ์หลักที่นักลงทุนคาดหวังนั้นมีดังนี้
- ไอเดียของคุณ หากไม่มีไอเดีย ก็จะไม่มีการเสนอขาย และสิ่งที่คุณอยากจะทำ (ซึ่งอาจมี) อีกหลายสิ่งหลายอย่างก็จะได้รับ "คำปฏิเสธ" อีกครั้ง
- USP (จุดขายที่แตกต่าง) ของคุณ เว้นแต่ว่าคุณได้คิดค้นสิ่งที่นักลงทุนอยากจะรู้ว่าคุณแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร
- การคาดการณ์ทางการเงิน การวิจัยของ DocSend กล่าวว่าข้อมูลแบบละเอียดนั้นเป็นที่ต้องการทั่วไปในปัจจุบัน
- แผนธุรกิจ รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน ดังที่กล่าวไว้ว่า ยิ่งละเอียดมากเท่าไรยิ่งดี
- ข้อมูลการนำเสนอระดับแนวหน้า ข้อมูลนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจง่ายและสั้นกระชับ
วิธีเตรียมพร้อมก่อนการนำเสนอขาย
ค้นหานักลงทุนที่มีศักยภาพ
คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการค้นหารายชื่อนักลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจของคุณ
ส่วนสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการค้นหาดังกล่าวคือ ประเภทของนักลงทุน โดยมักจะเป็นหนึ่งในประเภทต่อไปนี้
- นักธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capitalist) ผู้ซึ่งเป็นผู้จัดหาเงินร่วมลงทุน
- นักลงทุนเทวดา (Angel Investor) ผู้ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่
- นักลงทุนส่วนบุคคล (Personal Investor) ผู้ซึ่งอาจรวมถึงใครก็ตามในเครือข่ายบริษัทของคุณ
นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนแบบเพียร์ทูเพียร์ และแน่นอนว่ารวมถึงธนาคารด้วย
ประเมินสภาวะการลงทุนในปัจจุบัน
หลังจากที่คุณตัดสินใจเลือกนักลงทุนแล้ว คุณต้องดูแนวทางการลงทุนในปัจจุบันด้วย ข้อมูลจาก DocSend ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกไว้ดังนี้
- นักลงทุนต่างเป็นผู้ที่ช่างเลือกมากกว่าที่เคย
- เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำควบคู่ไปกับการขยายตัวของการแข่งขัน
- นักลงทุนต่างกำลังมองหากลุ่มตลาดเฉพาะที่ไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียม เช่น ชุมชน LGBTQ
ข้อมูลนี้หมายความว่าสภาวะการลงทุนนั้นมีความยากมากกว่าที่เคย คุณจะต้องแข่งขันให้หนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อแย่งชิงแหล่งเงินทุนที่หดหายไป
และคุณจะมีเวลาน้อยลงในการดึงดูดความสนใจของนักลงทุน ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2022 เวลาที่นักธุรกิจเงินร่วมลงทุนใช้ไปกับข้อมูลการนำเสนอที่ประสบความสำเร็จนั้นลดลงจาก 3:30 เป็น 2:45 นาที เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น!
ทุกวินาทีมีค่า และระยะเวลาการให้ความสนใจที่ลดลง 20% มีแต่จะเพิ่มความกดดันกับให้สถานการณ์
เล่าเรื่องให้ตรงประเด็น
เมื่อคุณรู้แล้วว่าใครคือนักลงทุนและสิ่งที่คาดหวังคืออะไร ก็ถึงเวลาที่ต้องหันมาโฟกัสที่ตัวคุณเองแล้ว
ในระหว่างการเสนอขาย นักลงทุนมักจะเตรียมคำถามสำหรับคุณไว้มากมาย ยกตัวอย่างคำถาม เช่น
- "ทำไมจึงเลือกลงทุนประเภทนี้"
- "ทำไมจึงไม่ขอความช่วยเหลือจากธนาคาร"
- "ทำไมจึงเลือกที่จะเจาะจงมาหาฉันในฐานะนักลงทุน"
คุณจำเป็นต้องมีคำตอบที่ดีว่าทำไมคุณถึงต้องการเงินจากพวกเขาเป็นพิเศษ ให้ทำความเข้าใจสถานการณ์ของคุณ และรู้ว่าคุณเป็นสตาร์ทอัพในช่วงระยะแรกเริ่มหรือระยะเติบโต หรือรู้ว่าคุณต้องการการระดมทุนในช่วงทดสอบไอเดีย (Pre-Seed) หรือช่วงบ่มเพาะ (Seed) จากนั้นให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคำถามต่างๆ
ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นอาวุธให้คุณไม่ว่าคุณจะเสนอขายแก่นักลงทุนประเภทใดก็ตาม หากคุณไม่ทราบลำดับความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ ตำแหน่งของสตาร์ทอัพของคุณ และท้ายที่สุดก็คือวิธีการทำเงินร่วมกัน คุณก็ยังไม่พร้อมที่จะเสนอขาย
สร้างเสน่ห์และความมั่นใจ
คุณเคยรู้สึกว่าอยากจะได้รับมุมมองที่เป็นกลางเกี่ยวกับตัวคุณเองในขณะที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอครั้งใหญ่หรือไม่ Dropbox Capture ช่วยให้คุณสามารถฝึกบริหารเสน่ห์และแบ่งปันข้อมูลการนำเสนอให้กับทีมของคุณได้ โดยใช้โปรแกรมบันทึกหน้าจอเพื่อบันทึกการเสนอขาย จากนั้นก็เล่นวิดีโอที่บันทึกไว้เพื่อวิจารณ์ตัวคุณเอง
วิธีการเสนอขายต่อนักลงทุน
การทำความเข้าใจว่าคุณกำลังเสนอขายใครและเพราะเหตุผลใดนั้นต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก เช่นนั้น ขอสมมติว่าคุณมีข้อมูลนั้นอยู่ในใจแล้ว เราจะได้มุ่งเน้นที่วิธีการเสนอขายกันต่อ โดยให้คุณใช้เคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จที่ดียิ่งขึ้น
การเสนอขายแบบสั้นกระชับ (Elevator Pitch) คือข้อมูลทั้งหมดที่คุณกำลังจะนำเสนอในรูปแบบที่สั้นกระชับลง นักลงทุนจะต้องการทราบถึงแผนกลยุทธ์ของเป้าหมายที่คุณกำลังมุ่งหน้าไประหว่างการเสนอขายในเวลาประมาณ 30 วินาที
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเสนอขายแบบสั้นกระชับที่ดึงดูดใจ ลื่นไหล แต่เอาจริงเอาจังของคุณนั้นสามารถสื่อสารได้ตรงประเด็นดังต่อไปนี้
- ลักษณะธุรกิจของคุณ โครงสร้างบริษัท ผู้ก่อตั้ง และรายละเอียดอื่นๆ
- ผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณ ซึ่งก็คือสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่บริษัทของคุณเป็นผู้จัดหา
- คุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า หรือประโยชน์ที่ผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณมอบให้
ที่สำคัญเหนือสิ่งใดคือการเตรียมตัวให้พร้อม คุณต้องพร้อมนำเสนอขายในทุกสถานการณ์ คุณไม่มีทางรู้ได้ว่าคุณอาจต้องอธิบายไอเดียให้กับนักลงทุนที่มีศักยภาพที่ใดบ้าง
พยายามบอกเล่าถึงความปรารถนาและความฝันที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มทำตามไอเดียนี้ และหวังว่าเมื่อคุณเสนอขายเสร็จแล้ว พวกเขาจะสนับสนุนคุณและอยากเห็นคุณประสบความสำเร็จ
คุณต้องมีข้อมูลที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างสำหรับทุกอย่างที่คุณพูดออกมาในขั้นตอนนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งกลุ่มลูกค้า การคาดการณ์ทางการเงิน และตัวเลขอื่นๆ จะเป็นจุดขายให้กับเรื่องราวของบริษัทคุณ
ดังนั้น เมื่อวางแผนทำสไลด์ข้อมูลการนำเสนอที่บอกเล่าเรื่องราว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีข้อมูลดังต่อไปนี้
- ปัญหาของผู้บริโภคหรือช่องว่างทางการตลาดที่คุณเห็น
- วิธีที่บริษัทของคุณและเงินทุนของนักลงทุนจะแก้ปัญหานี้ได้
- กลุ่มเป้าหมายหรือฐานลูกค้าของคุณ อธิบายว่าธุรกิจของคุณจะช่วยใคร และช่วยอย่างไร
- เหตุผลที่ ณ จุดนี้ธุรกิจของคุณต้องการเงินทุนมากกว่าธุรกิจอื่นๆ
3. แสดงการวิจัยทางการตลาดของคุณ
การทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีข้อมูลตัวเลขจะทำให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความเป็นแบบแผนมากกว่าการเป็นเพียงแค่ไอเดีย การเสนอขายในส่วนนี้สามารถสร้างความรู้สึกเร่งด่วนให้กับนักลงทุนซึ่งเห็นว่าแบบแผนนั้นพร้อมสำหรับการดำเนินการแล้วได้
เพื่อสร้างข้อมูลการนำเสนอที่ประสบความสำเร็จ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสไลด์วิจัยทางการตลาดของคุณครอบคลุมสิ่งต่อไปนี้
- การแข่งขัน แสดงให้เห็นว่าตลาดของคุณมีการแข่งขันสูงเพียงใด นักลงทุนไม่ชอบความอิ่มตัวของตลาดที่มากเกินไป แต่ความอิ่มตัวที่น้อยเกินไปก็อาจบ่งชี้ว่าแผนของคุณไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้
- สถานะในอุตสาหกรรม รวมถึงประวัติทางการตลาดจนนำมาสู่การเสนอขาย และการคาดการณ์ด้านภาคส่วนอื่นๆ
- กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเป้าหมาย พวกเขาคือใคร ค่านิยม ความต้องการ หรือความจำเป็นของพวกเขาคืออะไร
- ศักยภาพการเติบโตของตลาด
- วิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาด ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย ข้อบังคับ หรือข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอื่นๆ
4. แนะนำและสาธิตผลิตภัณฑ์หรือการบริการของคุณ
แม้ว่านักลงทุนจะได้เข้าใจผลิตภัณฑ์อย่างกว้างๆ ในขั้นตอนนี้ แต่ก็ถึงเวลาที่คุณต้องลงรายละเอียดบางอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสาธิต ซึ่งนักลงทุนจะได้เห็น ทดลอง หรือใช้ผลิตภัณฑ์หรือการบริการ
การสาธิตการบริการด้านดิจิทัลหรือผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ในการเสนอขายนั้นต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมและการทดสอบอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังเสนอขายแอป คุณจะต้องมั่นใจอย่างยิ่งว่าคุณสามารถสาธิตฟังก์ชันหลักของแอปได้อย่างไม่มีที่ติระหว่างการเสนอขาย
คุณควรขจัดข้อบกพร่องใดๆ ก็ตามก่อนที่จะเสนอขาย! นักลงทุนต้องการประสบการณ์แบบเรียลไทม์ คุณจึงควรตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่จะได้รู้ว่าการเสนอขายสำเร็จหรือไม่
5. อธิบายรูปแบบรายได้และธุรกิจ
หากการเสนอขายของคุณดึงดูดให้นักลงทุนซื้อไอเดียได้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ปัจจัยเดียวเท่านั้น นั่นก็คือรูปแบบธุรกิจ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับสไลด์นี้มากกว่าสไลด์อื่นๆ ในข้อมูลการนำเสนอของคุณ
ดังนั้น พยายามใส่รายละเอียดต่อไปนี้ลงไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณจะสร้างเงินให้กับนักลงทุนได้อย่างไร ได้แก่
- จุดราคาสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์หรือการบริการ
- โครงสร้างค่าธรรมเนียม ว่าจะเป็นแบบค่าบริการต่อรายการหรือการสมัครสมาชิกรายเดือน/รายปี
- ระดับของการบริการหรือผลิตภัณฑ์และราคา เช่น แผนบริการพรีเมียมสำหรับธุรกิจ
- วิธีที่ราคาจะเหมาะสมกับเป้าหมายรายได้ของคุณ เช่น การขายผลิตภัณฑ์จำนวน X เพื่อให้ได้ยอด Y
- การคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งประกอบด้วยจำนวนและเวลาที่คาดว่าจะได้รับผลตอบแทน
สิ่งนี้อาจเป็นปัจจัยในการตัดสินสำหรับการลงทุนจำนวนมาก โปรดให้ความสนใจกับส่วนนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนักลงทุนที่ชาญฉลาดย่อมรับรู้ถึงความผิดปกติและจะตั้งคำถามมากมาย
6. อธิบายว่าคุณจะดึงดูดธุรกิจอย่างไร
นักลงทุนจะไม่สนับสนุนโปรเจ็กต์ที่ไม่เป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก
คุณต้องใส่ข้อมูลแนวทางในการได้มาซึ่งธุรกิจใหม่และตัวชี้วัดหลักไว้เป็นจุดมุ่งเน้นสำคัญของสไลด์เหล่านี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการดึงดูดธุรกิจใหม่ดังต่อไปนี้
- ช่องทางการตลาดที่คุณจะใช้ เช่น โซเชียลมีเดีย การขายตรง การประชาสัมพันธ์แบบดิจิทัลและแบบดั้งเดิม
- เมตริกการเติบโต เช่น ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) อัตราการรักษาลูกค้า (CRR) และอัตราส่วนการตอบสนองต่อโฆษณา
- รายละเอียดแยกย่อยของกระบวนการขาย เส้นทางการเปลี่ยนลีดไปสู่การขายของบริษัทคืออะไร
นักลงทุนกำลังมองหาศักยภาพในการเติบโต พวกเขาจึงคุ้นเคยกับตัวชี้วัดและขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการขายเป็นอย่างดี จงเตรียมตัวตอบคำถามและศึกษาตัวชี้วัดให้เข้าใจแจ่มแจ้ง!
นอกเหนือจากไอเดีย สถานะของตลาด และการเงินแล้ว นักลงทุนจะต้องการทราบว่าเงินของตนอยู่ในมือของบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ คุณต้องขายข้อดีของทีมคุณเพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นในความสามารถของคุณ
ข้อมูล DocSend แสดงให้เห็นว่าทั้งข้อมูลการนำเสนอในช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์และในช่วงเริ่มทำธุรกิจนั้นจะประสบผลสำเร็จมากขึ้นเมื่อมีการแนะนำทีมให้ผู้คนรู้จักตั้งแต่แรกเริ่ม ข้อเท็จจริงที่ว่าข้อมูลการนำเสนอที่มีสไลด์เกี่ยวกับทีมอยู่หลังสุดจะประสบความสำเร็จน้อยกว่า แสดงให้เห็นว่าทีมมีความสำคัญต่อนักลงทุนเพียงใด! ลองพิจารณาจัดเรียงสไลด์เกี่ยวกับทีมไว้ด้านบนเมื่อนำเสนอข้อมูลเพื่อรับประกันความสำเร็จของคุณ
ให้คุณคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้เพื่อผลลัพธ์การเสนอขายที่ดียิ่งขึ้น
- การชื่นชมทักษะ ประสบการณ์ และคุณสมบัติของทีมคุณ
- การไม่ปฏิเสธจุดบกพร่องใดๆ ที่คุณอาจมี และคำอธิบายว่าคุณจะจัดการกับจุดบกพร่องเหล่านั้นอย่างไร
- การเตรียมแผนสำหรับขั้นตอนต่อไป จุดมุ่งหมาย และการพัฒนาของทีมคุณไว้เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอขาย
8. อธิบายการคาดการณ์ทางการเงินของคุณ
คุณต้องคาดการณ์เป้าหมายรายได้ของคุณในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า แจกแจงรายได้ต่อผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมอธิบายอย่างรอบคอบว่าธุรกิจจะทำให้ตัวเลขเหล่านี้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไรและเมื่อใด
สไลด์ประมาณการรายได้ควรสั้นกระชับ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ใส่แต่ตัวเลขลงไปในข้อมูล ให้ทำสไลด์ให้เข้าใจง่ายเข้าไว้
9. ให้เหตุผลถึงความต้องการในการระดมทุนของคุณ
นักลงทุนทุกคนจะต้องการให้เงินทุนในปริมาณที่น้อยลงแก่คุณ หากว่าไอเดียของคุณไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมาก คุณต้องทำให้นักลงทุนเข้าใจว่าเหตุใดคุณจึงต้องการเงินทุนตามที่คุณร้องขอ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้เพื่อให้เหตุผลถึงสิ่งที่คุณเรียกร้องและช่วยปิดดีล
- ปริมาณเงินทุนปัจจุบัน ซึ่งก็คือจำนวนเงินที่คุณมี ณ ปัจจุบันและแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว
- ระดับความเป็นเจ้าของ ว่านักลงทุนจะได้รับหุ้นเท่าใด และการกระจายหุ้นในปัจจุบันเป็นอย่างไร
- คุณต้องลงทุนอีกเท่าไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
- เงินจะตกไปอยู่ที่ใดและคุณจะใช้เงินเพื่อจุดประสงค์อะไร
- จุดยืนของธุรกิจเมื่อเงินทุนหมด
นี่ถือเป็นประเด็นที่ดีในการเสนอขาย เพื่อย้ำเตือนทุกคนว่าคุณมีไหวพริบและน่าเชื่อถือแค่ไหนที่จะนำเงินของนักลงทุนมาดูแลจัดการ จงทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกสบายใจกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะมอบให้
10. อธิบายกลยุทธ์การออกจากการทำธุรกิจของคุณ
ในขณะที่การระดมทุนเริ่มดำเนินไปตั้งแต่ช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์ คุณจะพบว่านักลงทุนนั้นอยากรู้ว่ากลยุทธ์การออกจากการทำธุรกิจสำหรับธุรกิจนั้นเป็นอย่างไร เช่น บริษัทขนาดใหญ่อาจเข้าซื้อกิจการของคุณ ฝ่ายบริหารอาจต้องการซื้อหุ้นทั้งหมด หรือบางทีคุณอาจเสนอขายหุ้นให้กับสาธารณะ
ไม่ว่าแผนการออกจากธุรกิจจะเป็นอย่างไร ให้อธิบายให้นักลงทุนเข้าใจว่าเหตุใดแผนการดังกล่าวจึงเหมาะสมสำหรับบริษัทและมีความหมายต่อการลงทุนของพวกเขาอย่างไร นักลงทุนอาจไม่สนใจเกี่ยวกับวิธีการในการออกจากธุรกิจ แต่พวกเขาจะต้องการทราบว่าพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาอย่างไรในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า
ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อทำการเสนอขายต่อนักลงทุนมีอะไรบ้าง
เราต้องการยกรายการสิ่งที่ต้องทำในเชิงบวกเพื่อทำให้การเสนอขายของคุณออกมาดีเยี่ยม แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ให้พยายามหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปในการเสนอขายเพื่อระดมทุนต่อไปนี้
- ไม่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณ
- ไม่ได้ทำการวิจัยตลาด
- ไม่โปร่งใสกับข้อมูลที่มีหรือแหล่งที่มาของคุณ
- ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับคำถามในระหว่างการประชุม
- ไม่ติดตามผลจากผู้คนที่เข้าร่วมการเสนอขายหลังจบการประชุม
- ไม่รับฟังข้อคิดเห็นจากนักลงทุนหรือไม่ปรับปรุงข้อมูลการนำเสนอหลังจากเสนอขายไม่สำเร็จ
การเสนอขายอาจมีหลายอย่างที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นพร้อมกับกิจกรรมที่วุ่นวายตามมา หรืออาจเป็นแค่ "คำปฏิเสธ" สั้นๆ ให้เตรียมพร้อมสำหรับแต่ละขั้นตอนราวกับว่าทุกขั้นตอนเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งก็คือการก้าวเข้าไปในห้องและถ่ายทอดออกมา
Dropbox สามารถช่วยฉันเสนอขายต่อนักลงทุนได้อย่างไร
Dropbox ทำให้การแบ่งปัน การทำงานร่วมกัน และการจัดเตรียมข้อมูลการนำเสนอของคุณเป็นเรื่องง่าย เมื่อการเสนอขายของคุณได้รับการลงทุนที่คุณต้องการ DocSend ก็สามารถทำให้การส่งไฟล์มีความรวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย
ลองใช้ Dropbox Capture เพื่อบันทึกหน้าจอระหว่างการประชุมและการเตรียมการเสนอขายของคุณ หรือบันทึกการเสนอขายเอง คุณยังสามารถใช้ Dropbox Sign เพื่อรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลผูกพันตามกฎหมายได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะกำลังเตรียมการเสนอขายหรือต้องการส่งข้อตกลงที่น่าดึงดูดใจ คุณก็สามารถวางใจในเครื่องมือของเราได้ในทุกขั้นตอน
เสนอขายครั้งต่อไปให้โดนใจนักลงทุน
คู่มือเชิงปฏิบัติของเราจะทำให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุดในการเสนอขาย ผสานการเสนอขายที่ทรงประสิทธิภาพเข้ากับผลิตภัณฑ์อันทรงพลังของเรา แล้วคุณจะพร้อมสำหรับคำว่า "ตกลง" ในเส้นทางการระดมทุนของคุณ