ไม่ว่าคุณจะเป็นครู นักเรียน มืออาชีพด้านธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้สร้างเนื้อหาบน YouTube สำหรับใครหลายคนแล้ว การถ่ายทอดงานนำเสนอได้กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันอย่างรวดเร็ว
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากว่าคุณไม่สามารถถ่ายทอดงานนำเสนอด้วยตนเอง ต้องการปิดท้ายประเด็นสำคัญอย่างสมบูรณ์แบบ หรือต้องการให้ผู้ชมดูการนำเสนอนั้นแบบอะซิงโครนัสตามเวลาที่ตนเองสะดวก ไม่ต้องกลัว เพราะวิดีโอการนำเสนอสามารถเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกความท้าทายเหล่านี้ได้
ในคู่มือนี้ เราจะอธิบายทุกสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับการสร้างวิดีโอการนำเสนอคุณภาพสูงของคุณเอง เพื่อให้ผู้ชมของคุณได้รับประโยชน์จากเนื้อหาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ข้ามไปดูที่ส่วนต่างๆ
- วิดีโอการนำเสนอคืออะไร
- สิ่งที่ทำให้วิดีโอการนำเสนอยอดเยี่ยมคืออะไร
- คุณต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการสร้างวิดีโอการนำเสนอ
- วิธีสร้างวิดีโอการนำเสนอ
- การสร้างวิดีโอการนำเสนอใน PowerPoint
- การสร้างวิดีโอการนำเสนอใน Keynote
ก่อนอื่นเลย วิดีโอการนำเสนอคืออะไร
วิดีโอการนำเสนอเป็นวิธีการสื่อสารที่ถ่ายทอดข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดผ่านทางวิดีโอ กล่าวอีกอย่างก็คือ เป็นกระบวนการที่ใช้วิดีโอเพื่อถ่ายทอดข้อความหรืองานนำเสนอ
รูปแบบทั่วไปของวิดีโอการนำเสนออาจรวมถึงสไลด์งานนำเสนอแบบบันทึกไว้ล่วงหน้า วิดีโอการเรียนการสอน ข้อมูลการขาย การพูดคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เนื้อหาความบันเทิง หรืออะไรก็ตามเท่าที่คุณจะนึกออก
สิ่งที่ทำให้วิดีโอการนำเสนอยอดเยี่ยมคืออะไร
แม้ว่าปฏิกิริยาต่อวิดีโอการนำเสนอจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ก็มีคุณสมบัติทั่วไปบางประการที่อาจเป็นประโยชน์หากใส่ใจปฏิบัติอยู่เสมอ ซึ่งประกอบด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
- สร้างคุณค่าให้วิดีโอ ตั้งผลลัพธ์ที่คาดหวังสำหรับผู้ชมให้ชัดเจน และต้องบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิดีโอและเสียงสื่อสารได้ชัดเจน คุณต้องการให้ผู้ชมจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ ไม่ใช่ที่คุณภาพของวิดีโอ
- ทำให้ประเด็นสำคัญน่าสนใจ ใช้การเล่าเรื่อง การถามคำถาม และการยกตัวอย่างเพื่อทำให้เข้าใจแนวคิดหลักและดึงดูดผู้ชม
- กำหนดสิ่งที่คาดหวัง ใช้การเกริ่นนำเพื่อกำหนดสิ่งที่คาดหวังให้ชัดเจน ไม่ว่าจะด้วยระเบียบวาระการประชุมหรือการบอกข้อมูลเรียกน้ำย่อยว่าการนำเสนอครั้งนี้จะมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด
- อย่าพึ่งพาสไลด์เพียงอย่างเดียว หากสไลด์มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครบทุกอย่างแล้ว คุณแค่ส่งไฟล์ PDF ให้ผู้ชมของคุณก็พอ ให้ถามตัวเองว่า การนำเสนอจะช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มเติมด้านใดให้เนื้อหาบ้าง
- รักษาเวลาให้ดี อย่าให้วิดีโอการนำเสนอของคุณยาวจนเกินความจำเป็น
- ผสมผสาน ทำลายความซ้ำซากน่าเบื่อและเปลี่ยนจังหวะในช่วงเวลาที่เหมาะสม
- อย่าเริ่มต้นใหม่เพียงเพื่อความสมบูรณ์แบบ หากคุณทำพลาดขณะที่บันทึก คุณสามารถตัดต่อแก้ไขทีหลังได้
คุณต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการสร้างวิดีโอการนำเสนอ
ก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างวิดีโอการนำเสนอของคุณเองได้ คุณจะต้องมีเครื่องมือพื้นฐานบางอย่างเสียก่อน
ฮาร์ดแวร์สำหรับวิดีโอการนำเสนอ
มาเริ่มกันที่พื้นฐาน ซึ่งก็คือเทคโนโลยีของคุณ ในกรณีส่วนใหญ่ หากว่าคุณมีแล็ปท็อปหรือคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบมาตรฐาน ก็จะถือว่าคุณมีสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ครบแล้ว
สิ่งที่คุณจะต้องมีเพื่อเริ่มสร้างวิดีโอการนำเสนอมีดังนี้
- แล็ปท็อปหรือพีซี คุณจะต้องมีอุปกรณ์สำหรับบันทึกการนำเสนอ
- ไมโครโฟน เพื่อใช้บันทึกเสียงพากย์ของคุณ โดยจะเป็นแบบมีมาให้ในตัวหรือแบบเชื่อมต่อ USB ก็ได้
- กล้อง ใช้ในกรณีที่คุณต้องการใส่วิดีโอที่บันทึกภาพตัวคุณเองลงในการนำเสนอด้วย ซึ่งจะเป็นกล้องแบบเว็บแคมที่มีมาให้ในตัวหรือแบบเชื่อมต่อ USB ก็ได้
ซอฟต์แวร์การบันทึกวิดีโอ
เมื่อจัดเตรียมเทคโนโลยีต่างๆ เสร็จแล้ว คุณจะต้องมีซอฟต์แวร์เพื่อบันทึกการนำเสนอด้วย ซึ่งอาจเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้บันทึกหน้าจอ บันทึกเสียง หรือบันทึกภาพตัวคุณเองด้วยกล้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ
เมื่อใช้ Dropbox Capture คุณจะสามารถทำทั้งสามสิ่งนี้ไปพร้อมกันได้
Dropbox Capture คือเทคโนโลยีการบันทึกวิดีโอและการบันทึกหน้าจอซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้การบันทึกสิ่งที่คุณต้องการอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องง่าย โดยทำทั้งหมดได้แบบไม่ต้องใช้ทักษะการตัดต่อขั้นสูงหรืออุปกรณ์เฉพาะทาง
เมื่อใช้ Capture ขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นเรื่องง่าย
- บันทึกหน้าจอ ภาพจากกล้องเว็บแคม และเสียงจากไมโครโฟนของคุณไปพร้อมๆ กัน
- สร้าง GIF
- วาดภาพหรือใส่หมายเหตุประกอบลงในชิ้นงานที่บันทึก
- สร้างคำบรรยายแทนเสียงแบบซ่อนได้โดยอัตโนมัติ
- แบ่งปันได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง
แม้ว่าแอปพลิเคชันด้านงานนำเสนออย่าง PowerPoint และ Keynote จะมีความสามารถในการบันทึกหน้าจอและการนำเสนอมาให้ในตัว แต่แอปดังกล่าวจะอนุญาตให้คุณบันทึกได้เฉพาะตัวงานนำเสนอเท่านั้น
ในขณะที่การใช้ Dropbox Capture จะทำให้ใช้หน้าต่างและแอปพลิเคชันต่างๆ สลับกันไปมาตลอดเวลาที่บันทึกการนำเสนอได้อย่างไร้ข้อจำกัด งานที่คุณนำเสนอจึงมีอิสระมากขึ้น
พื้นที่จัดเก็บไฟล์และเครื่องมือการแบ่งปัน
ท้ายที่สุด คุณจะต้องทำให้ผู้ชมสามารถรับชมวิดีโอการนำเสนอของคุณได้จากที่ไหนสักแห่ง
บริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ของ Dropbox จะช่วยให้คุณนำวิดีโอการนำเสนอส่งถึงมือผู้ชมได้ง่ายเหมือนกับการคัดลอกลิงก์ โดยที่สามารถควบคุมการเข้าถึงและสิทธิ์ในไฟล์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์
วิธีสร้างวิดีโอการนำเสนอ
ตอนนี้เราจะอธิบายขั้นตอนทั้งหมดในการสร้างวิดีโอการนำเสนอที่สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มแรก ซึ่งก็คือการวางแผน
1. วางแผนหัวข้อ ตัวอย่าง และกลุ่มผู้ชมเป้าหมายของคุณ
คุณน่าจะมีไอเดียอยู่แล้วว่าตนเองต้องการจะอธิบายเรื่องอะไรบ้างในวิดีโอการนำเสนอ แต่การจดสิ่งต่อไปนี้ลงในกระดาษอย่างเป็นกิจจะลักษณะก็อาจช่วยให้เกิดประโยชน์ได้
- จุดประสงค์ของการนำเสนอ คุณต้องการให้ผู้ชมเข้าใจอะไรเมื่อดูวิดีโอจบแล้ว
- แนวทาง กำหนดไว้กว้างๆ ว่าคุณจะอธิบายเรื่องใดบ้างเพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจแนวคิดนี้
- แหล่งข้อมูล คุณจะยกตัวอย่างอะไรได้บ้างเพื่อทำให้เห็นภาพแนวคิดหลัก
Dropbox Paper มีแม่แบบที่สร้างไว้ล่วงหน้าจำนวนมากสำหรับช่วยในกระบวนการวางแผน เช่น แม่แบบการระดมความคิด ซึ่งจะทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณลื่นไหลได้ดี
2. สร้างสไลด์งานนำเสนอและสตอรีบอร์ดสำหรับวิดีโอการนำเสนอของคุณ
หากคุณยังไม่ได้ทำขั้นตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่ต้องสร้างสไลด์ขึ้นมาแล้ว
ขณะที่สร้างสไลด์ คุณควรนึกถึงภาพรวมของสตอรีบอร์ดสำหรับวิดีโอการนำเสนอด้วย ว่าจังหวะสำคัญอยู่ตรงไหนบ้าง คุณจะนำเสนอจังหวะสำคัญเหล่านั้นอย่างไร และต้องใช้สไลด์อะไรบ้าง
สตอรีบอร์ดเป็นทัศนูปกรณ์ที่ผู้ผลิตวิดีโอใช้วางแผนลำดับขั้นตอนการเล่าเรื่องของวิดีโอและภาพที่จะใช้ประกอบวิดีโอนั้น ในหลายๆ กรณี งานนำเสนอของคุณก็แทบจะทำหน้าที่เสมือนเป็นสตอรีบอร์ดแล้ว แต่การวางแผนลำดับขั้นตอนลงในกระดาษก่อนก็อาจช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสตอรีบอร์ดได้ในคู่มือเกี่ยวกับสตอรีบอร์ดแบบละเอียดของเรา
3. บันทึกวิดีโอการนำเสนอของคุณ
เมื่อสตอรีบอร์ดและงานนำเสนอของคุณพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาสร้างไฟล์วิดีโอขึ้นมา
คุณสามารถบันทึกหน้าจอของคุณไว้ก่อนได้ จากนั้นค่อยบันทึกเสียงพากย์หรือการบรรยายวิดีโอ แล้วตัดต่อแก้ไขทั้งสองอย่างด้วยกันในภายหลัง หรือเมื่อใช้ Dropbox Capture คุณจะสามารถบันทึกหน้าจอ ภาพจากกล้องเว็บแคม และเสียงจากไมโครโฟนไปพร้อมๆ กันได้ การใช้ Dropbox Capture ทำให้การสร้างวิดีโอบทเรียนแบบบันทึกไว้ล่วงหน้าในเทคเดียวเป็นเรื่องง่าย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่มีซอฟต์แวร์ตัดต่อแก้ไขวิดีโอขั้นสูงให้คุณนำมาใช้งานได้
หากต้องการบันทึกด้วย Dropbox Capture คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เปิด Dropbox Capture
- คลิกที่ การบันทึกหน้าจอและกล้อง
- เลือกส่วนของหน้าจอที่คุณต้องการบันทึก
- คลิกที่ไอคอน บันทึก เพื่อเริ่มบันทึก คลิกที่ไอคอนนั้นอีกครั้งเพื่อหยุดบันทึก
- คลิกที่ไอคอน หยุดชั่วคราว ในแผงด้านข้างขณะที่บันทึกเพื่อหยุดชั่วคราวหรือบันทึกต่อ
- คลิกที่ไอคอน วาด ในแผงด้านข้างขณะที่บันทึกเพื่อวาดหรือเขียนลงบนงานบันทึกของคุณ
4. ตัดต่อแก้ไขวิดีโอการนำเสนอของคุณ
หากคุณพอใจกับการบันทึกของคุณแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตัดต่อแก้ไขเพิ่มเติม
ในกรณีอื่นๆ คุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อแก้ไขวิดีโอเพื่อปรับแต่งวิดีโอของคุณให้สมบูรณ์ได้ตามที่เห็นสมควร การตัดต่อแก้ไขอาจรวมถึงสิ่งต่อไปนี้
- ตัดต่อแก้ไขการบันทึกหน้าจอและเสียงพากย์พร้อมกัน (หากคุณมีไฟล์แยกกัน) เมื่อใช้ Dropbox Capture คุณจะสามารถบันทึกเสียงจากไมโครโฟนและภาพจากกล้องของคุณไปพร้อมๆ กันได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์การตัดต่อแก้ไข
- ตัดและลบส่วนที่ไม่พึงประสงค์ของวิดีโอ เช่น การหยุดคิดอันน่าอึดอัดใจหรือเสียงสุนัขเห่า เมื่อใช้ Dropbox Capture คุณจะสามารถทำงานในขั้นตอนนี้ได้โดยตรงจากภายในแอปแบบไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์การตัดต่อแก้ไขเลย!
- ลบคำพูดติดปากตอนคิดไม่ออกที่ชวนให้อึดอัด โดยตัดคำว่า “อืม” และ “อ่า” ที่น่ารำคาญออกให้หมด Dropbox Capture จะช่วยให้คุณจัดการเรื่องแบบนี้ได้อัตโนมัติโดยตรงจากภายในแอป
- เพิ่มโอเวอร์เลย์ข้อความเพื่อเน้นประเด็นสำคัญของส่วนที่เป็นวิดีโอ
- เพิ่มความน่าดึงดูดและองค์ประกอบภาพ
- เพิ่มดนตรีประกอบเพื่อสร้างบรรยากาศ
5. แบ่งปันวิดีโอการนำเสนอของคุณ
เมื่อสร้างวิดีโอการนำเสนอเสร็จแล้ว คุณจะต้องมีวิธีให้ผู้ชมเข้าถึงวิดีโอการนำเสนอนั้นได้
หากคุณใช้ Dropbox Capture การแบ่งปันงานนำเสนอจะทำได้ง่ายสุดๆ เพียงคลิกปุ่ม แบ่งปัน แล้วลิงก์การแบ่งปันจะได้รับการคัดลอกลงในคลิปบอร์ดของคุณโดยอัตโนมัติ
หากคุณไม่ได้ใช้ Capture บริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ของ Dropbox จะช่วยให้คุณแบ่งปันไฟล์วิดีโอกับทุกคนและดูว่าใครเข้าดูวิดีโอการนำเสนอของคุณบ้างได้โดยง่าย ที่คุณต้องทำก็แค่คัดลอกลิงก์ที่เชื่อมโยงกับไฟล์เท่านั้น
หากคุณต้องการส่งสำเนาของวิดีโอฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่ ทำให้ส่งได้ลำบาก Dropbox Transfer จะช่วยให้ส่งไฟล์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกง่ายดาย
วิธีบันทึกวิดีโอการนำเสนอใน PowerPoint
คุณควรคำนึงถึงอยู่เสมอว่าเมื่อทำการบันทึกโดยตรงจากภายใน PowerPoint คุณจะบันทึกได้เฉพาะสไลด์เท่านั้น และมีทางเลือกในการตัดต่อแก้ไขที่จำกัด วิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ตัวคุณสามารถควบคุมสิ่งที่บันทึก รวมถึงวิธีตัดต่อแก้ไขในภายหลังได้อย่างสมบูรณ์ก็คือ การใช้แอปบันทึกหน้าจอที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง Dropbox Capture
หากคุณยังคงต้องการบันทึกโดยตรงจาก PowerPoint คุณสามารถบันทึกได้โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เปิด PowerPoint และเปิดไฟล์งานนำเสนอของคุณ
- ไปที่สไลด์ที่คุณต้องการเริ่มบันทึก
- เลือก บันทึก ที่มุมบนขวาของหน้าต่าง PowerPoint
- คลิกที่ปุ่ม บันทึก สีแดง รอให้มีการนับถอยหลัง จากนั้นก็เริ่มต้นนำเสนอ
เมื่อบันทึกการนำเสนอแล้ว คุณสามารถบันทึกไฟล์นั้นในบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ของ Dropbox ซึ่งจะช่วยให้แบ่งปันไฟล์วิดีโอกับทุกคนและดูว่าใครเข้าดูวิดีโอการนำเสนอของคุณบ้างได้โดยง่าย
วิธีบันทึกวิดีโอการนำเสนอใน Keynote
หากคุณเป็นผู้ใช้ Mac และต้องการบันทึกวิดีโอโดยตรงจาก Keynote ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เปิด Keynote และเปิดไฟล์งานนำเสนอของคุณ
- ไปที่สไลด์ที่คุณต้องการเริ่มบันทึก
- เลือก บันทึกสไลด์โชว์ จากเมนู เล่น ที่อยู่ด้านบนของหน้าจอ
- คลิกที่ปุ่ม บันทึก สีแดง รอให้มีการนับถอยหลัง จากนั้นก็เริ่มต้นนำเสนอ
เมื่อบันทึกการนำเสนอใน Keynote ของคุณแล้ว คุณสามารถบันทึกไฟล์นั้นในบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ของ Dropbox และแบ่งปันไฟล์ได้ง่ายๆ ด้วยการคัดลอกลิงก์
เมื่อทำการบันทึกโดยตรงจากภายในแอป Keynote จะมีข้อจำกัดในการควบคุมสิ่งที่คุณบันทึกและผลงานตัดต่อที่ได้ เช่นเดียวกับการบันทึกจาก PowerPoint โดยตรง เพื่อให้ตัวคุณสามารถควบคุมผลลัพธ์ของวิดีโอการนำเสนอได้อย่างสมบูรณ์ การใช้แอปบันทึกหน้าจอที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง Dropbox Capture จะเหมาะสมกว่า
ยกระดับวิดีโอการนำเสนอของคุณด้วย Dropbox Capture
เมื่อใช้ Dropbox การสร้างวิดีโอการนำเสนอที่ดึงดูดความสนใจและน่าจดจำจะทำได้ง่ายกว่าที่เคย
Dropbox Capture จะทำให้การสื่อสารข้อความของคุณง่ายดายยิ่งกว่าที่เคยด้วยการบันทึกการนำเสนอของคุณในรูปแบบวิดีโอ คุณจึงสื่อสารสิ่งที่ต้องการได้อย่างชัดเจนและถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทุกๆ ครั้ง